เคทีซี นำร่องทดสอบ QR Code บุัตรเครดิตเข้า Sandbox พร้อมทดลองให้บริการใน 4 พื้นที่หลัก “ตลาด อตก.-การบินไทย-เกษตร-นวมินทร์ และร้านค้า ซ.สุุขุมวิท 31, 33” ตั้งแต่ 16 พ.ย. นี้ คาดออกจาก sandbox ต้นปีหน้า พร้อมจับมือสถาบันการเงินอื่นเข้าร่วมระบบ ประเดิมกรุงไทย
นายวุฒิชัย เจริญผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ไอที บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (เคทีซี) เปิดเผยว่า เคทีซีได้พัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจและการตลาดเติบโตก้าวหน้า เพื่อรองรับการทำเงานดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ที่จากการใช้บริการ ล่าสุด เคทีซีพัฒนาระบบเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตผ่าน QRCode Payment บนโมบายแอปฯ “TapKTC” โดยได้รับการเข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มทดลองบริการได้ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายนนี้ นับเป็นบัตรเครดิตรายแรกและรายเดียวที่ตอบสนองการใช้งานทั้งผู้ถือบัตรเครดิต และร้านค้า
ทั้งนี้ ในระหว่างการทดลองให้บริการตามข้อตกลงของ ธปท. จะเริ่มใน 4 พื้นที่หลัก ได้แก่ ตลาด อตก., ตลาดลุงเพิ่ม (การบินไทย), ตลาดหัวมุมเกษตร-นวมินทร์ และร้านค้าบริเวณซอยสุขุมวิท 31 และสุขุมวิท 33 ประมาณ 50 ร้านค้า โดยเน้นร้านค้าขนาดกลางและเล็กที่ไม่เคยรับบัตรเครดิตมาก่อน หลังจากได้รับการอนุมัติให้ทดสอบเต็มรูปแบบกับพนักงานเคทีซีเฉพาะกลุ่ม จำกัดพื้นที่ทดสอบเพียง 3 ร้านค้าตั้งแต่ 25 กันยายนที่ผ่านมา มียอดปริมาณการทำธุรกรรมได้ตามเงื่อนไขของ ธปท. โดยคาดว่าจะสามารถได้รับอนุมัติจาก ธปท. ออกจาก Sandbox ได้เดือนมกราคม ปี 2561 พร้อมกันนั้น ก็จะมีหารือพูดคุยกับสถาบันการเงินผู้บัตรอื่นในการเข้าร่วมทดสอบในระบบดังกล่าว หรือนำคิวอาร์พร้อมเพย์ มาเชื่อมโยง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารแม่เป็นแห่งแรก
นอกจากนี้ เคทีซีเตรียมจัดโปรโมชั่นค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับร้านค้าที่จะมาเข้าร่วมรับชำระบริการดังกล่าวในเดือนพฤจิกายนนี้ เพื่อขยายจำนวนร้านค้าเพิ่มเติม โดยคาดว่าอัตราค่าธรรมเนียมจะถูกกว่าค่าธรรมเนียมรับบัตรเครดิตปัจจุบันที่วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด คิดอยู่ที่ 1-3%
“เคทีซี หวังว่า บริการ QR Code Payment จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นประโยชน์โดยองค์รวม ทั้งในแง่ผู้บริโภค ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่เพียงใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตัวสแกน QR Code ก็สามารถชำระเงินได้ เพิ่มความปลอดภัยของการใช้บัตรเครดิต เนื่องจากลูกค้าไม่ต้องให้ข้อมูลบัตรกับร้านค้าอีกต่อไป และยังสามารถใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าหรือบริการได้หลากหลายมากขึ้นที่ร้านค้าขนาดกลางถึงขนาดเล็กที่ไม่เคยรับบัตรเครดิตมาก่อน สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า จะช่วยเพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดทั้งด้านธุรกิจบัตร และร้านค้ารับบัตรเครดิต ช่วยให้ร้านค้าขนาดกลางถึงขนาดเล็กเพิ่มโอกาสในการขายและให้บริการด้วยช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายขึ้น อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศในการร่วมกันผลักดันประเทศไทยไปสู่ National e-Payment และไทยแลนด์ 4.0 ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย”