xs
xsm
sm
md
lg

“เอพี ไทยแลนด์” โชว์ 9 เดือนกวาดรายได้รวมกว่า 1.4 หมื่น ล. อานิสงส์โอนคอนโดฯ-แนวราบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอพี ไทยแลนด์” ระบุงวด 9 เดือน ทำรายได้รวมได้ 14,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 841.51 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายกวาดมาได้ 13,310 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 735.27 ล้านบาท ส่งผลกำไรสุทธิงวดนี้กว่า 1,700 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.3 โดยรายได้รวมจากโครงการแนวสูง และแนวราบ หนุนการเติบโต รวมถึงโปรเจกต์ร่วมทุนกับญี่ปุ่น

นางสาวกิตติยา พงศ์ปูชนียกุล เลขานุการบริษัท ส่วนเลขานุการบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 60 จำนวน 635.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 456.6 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.3

สาเหตุหลักมาจากรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2560 เป็น 4,939 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 ทั้งนี้ เมื่อแยกดูตามประเภทของสินค้า สำหรับโครงการแนวสูง : ไตรมาสที่ผ่านมา ทางเราได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ “Aspire Erawan” ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาทซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเล็กน้อย สำหรับโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ เช่น Rhythm Sukhumvit 42”, “Aspire Ngamwongwan” และ “Rhythm Sathorn” ยังคงสามารถโอนได้อย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้ โครงการแนวสูงของเอพี รับรู้รายได้ 1,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อรวมกับส่วนแบ่งร้อยละ 51 จากโครงการร่วมทุน รายได้รวมแนวสูงจะเป็น 1,821 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87.1

สำหรับสินค้าแนววราบในไตรมาสนี้รับรู้รายได้ 3,341 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

รายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนของบริษัท เอพีเอ็มอี 4 จำกัด และบริษัท เอพีเอ็มอี 5 จำกัด ให้แก่ บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จํากัด (มหาชน) กับบริษัทเอ็มเจอาร์ไอ (ประเทศไทย) เท่ากับ 20.2 ล้านบาท

อัตรากำไรขั้นต้นรวมของไตรมาส 3 เท่ากับร้อยละ 36.6 เทียบกับร้อยละ 35.2 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการแนวราบที่ไม่ร่วมการปรับลดต้นทุนของโครงการที่ปิดแล้วเท่ากับร้อยละ 33.2% ซึ่งสูงกว่า guideline ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 30 ซึ่งถ้ารวมส่วนลดต้นทุนของโครงการที่ปิดแล้ว (30.6 ล้านบาท) แนวราบจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 34.2

อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการแนวสูงเท่ากับร้อยละ 33.9* (เมื่อรวมกับส่วนแบ่งร้อยละ 51 จากโครงการร่วมทุน) ต่ำกว่า guideline ที่ร้อยละ 35 เล็กน้อย เนื่องจากมีการขายโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ค่อนข้างเยอะ เช่น Aspire Rattanathibet II”, “Aspire Wuttakard” และโครงการต่างจังหวัด ซึ่งโครงการเหล่านี้มีการทำโปรโมชั่นราคา

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการร่วมทุนในไตรมาสนี้เท่กับร้อยละ 36.4

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เท่ากับ 1,087 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.0 ของรายได้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายสนับสนุนการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการบริหาร คิดเป็นร้อยละ 9.8* (เมื่อรวมกับส่วนแบ่งร้อยละ 51) ดังนั้น อัตราค่าใช้จ่ายและบริหารรวม คิดเป็นร้อยละ 21.0* ของรายได้ (เมื่อรวมกับส่วนแบ่งร้อยละ 51) เทียบกับร้อยละ 20.6 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนในไตรมาสที่ 3 เท่ากับ 43.4 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 14,077.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 59 ที่มีรายได้รวม 13,235.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 841.51 ล้านบาท รายได้จากการขาย สามารถทำได้ 13,310.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12,574.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 735.27 ล้านบาท รายได้จากค่าบริการ ทำได้ 339.34 ล้านบาท เทียบกับ 150.34 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายรวมในงวด 9 เดือน อยู่ที่ 12,108.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 11,113.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 995.4 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 1,792.4 ล้านบาท เทียบกับ 1,437.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 355.05 ล้านบาท.


กำลังโหลดความคิดเห็น