ผู้จัดการรายวัน 360 - บมจ. เสริมสร้างฯ กำไรสุทธิงวด 9 เดือน 267 ล้านบาท ผู้บริหารเผยพอใจผลการดำเนินงาน แม้กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 30% เกิดจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินที่ให้กู้ยืมกลุ่มบริษัทเพื่อนำไปลงทุนในต่างประเทศ ย้ำเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น เป้ารวม 200 เมกะวัตต์ภายในปี 2563
บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP แจ้งผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 267.02 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 385.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 55.86 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 118.9 ล้านบาท หรือ 30.80% โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นผลจากเงินให้กู้ยืมในกลุ่มบริษัทเพื่อการลงทุนโครงการในต่างประเทศ
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเมื่อพิจารณาการดำเนินการของโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วของกลุ่มบริษัท ซึ่งคือ โครงการเสริมสร้างโซลาร์ (SPN) กำลังการผลิตติดตั้ง 52 เมกะวัตต์ที่ จ.ลพบุรี จะพบได้ว่าทั้งในงวดไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปีนั้น มีปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อน ตลอดจนมีค่าประสิทธิภาพ (Performance Ratio) อยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนานั้น ก็เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ อาทิ
1. โครงการฮิดะกะ การก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ และคาดจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนงานภายในไตรมาส 1 ปีหน้า
2. โครงการยามากะ การก่อสร้างดำเนินไปตามแผนงาน
3. โครงการโซเอ็น ได้เซ็นต์สัญญาเงินกู้และเริ่มการก่อสร้างแล้วในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
4. โครงการโซลาร์ อผศ. นั้น ทางเสริมสร้างก็ได้มีการเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับองค์การทหารผ่านศึกเรียบร้อยแล้วในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นางสาวธัณฐภรณ์ ไกรพิสิทธิ์กุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติม ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทนั้น ฝ่ายจัดการและคณะกรรมการพิจารณาว่า ในตัวเลขกำไรสุทธิที่แสดงในงบการเงินมีรายการที่ไม่สะท้อน Core Profit จากการดำเนินการ เช่น Foreign Exchange Gain/Loss ซึ่งเกิดจากโครงสร้างการลงทุนโครงการในต่างประเทศที่เราใช้การให้กู้ยืมในกลุ่มบริษัทเพื่อประโยชน์ในการจัดการเงินทุนในกลุ่ม ตลอดจนต้นทุนการลงทุนโครงการบางรายการที่ในทางบัญชีตัดเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้น เราจึงพิจารณา Adjusted Operating Profit เป็นดัชนีสำคัญที่ใช้ชี้วัดกำไรจากการดำเนินการ และใช้พิจารณาควบคู่กับนโยบายในการเสนอจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งสำหรับไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ก็จะพบว่า Adjusted Operating Profit ของกลุ่มบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทจะมีปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นแล้ว การปรับตัวของค่าไฟฟ้า Ft หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ก็เป็นทิศทางบวกต่อเราอีกด้วย ในด้านสถานะทางการเงินนั้น ณ สิ้นไตรมาส 3 เมื่อเราบันทึกบัญชีเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO เข้ามาในส่วนผู้ถือหุ้นก็ได้ส่งผลให้อัตราส่วน Consolidated D/E ของกลุ่มบริษัท ก็ปรับลดลงมาจาก 2.8 เท่า ณ ต้นปีมาเป็น 1.3 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 และเมื่อพิจารณาอัตราส่วน D/E จากงบการเงินเฉพาะบริษัทจะอยู่ในระดับ 0.07 เท่า ซึ่งเราประเมินว่าจะสามารถรองรับการลงทุนโครงการต่าง ๆ ตามเป้าหมาย 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 ได้อย่างเหมาะสม