“อาม่า มารีน” โชว์กำไรไตรมาส 3 ที่ 44.80 ล้านบาท โต 2.56% จากปีก่อน ส่วนรายได้พุ่ง 45.67% หลังขยายกองเรือ-รถขนส่ง กางแผนทุ่มงบ 800 ล้านบาท ซื้อเรือลำใหม่ 2 ลำ ภายในปี 2561 ดันน้ำหนักบรรทุกทะลุ 100,000 เดทเวทตัน
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.12 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.68 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 386.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 45.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 265.40 ล้านบาท
การเพิ่มขึ้นของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมีจากจำนวน 7 ลำเป็น 10 ลำ และบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับขึ้นค่าระวางเรือให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงขยายกองรถบรรทุกน้ำมันจาก 80 คัน เป็น 135 คัน ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้า และรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือ และทางรถในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายกองเรือเพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ น้ำหนักบรรทุกลำละ 13,000 เดทเวทตัน ภายในปี 2561 ด้วยงบลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท ส่งผลให้กองเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัทฯ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 10 ลำเป็น 12 ลำ และมีน้ำหนักบรรทุกรวม เพิ่มขึ้นจาก 82,961 เดทเวทตัน เป็น 108,961 เดทเวทตัน ขณะที่ผลประกอบการในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตอยู่ที่ระดับ 50% ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากการขยายกองเรือ และรถขนส่งเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ และคาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 30% ในปี 2561 จากการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
“ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ด้วยการขยายกองเรือ และรถอย่างต่อเนื่องตามแผน ทำให้ผลประกอบการยังมีการเติบโตขึ้น ทำให้ทั้งปีเรายังคงเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 50% และในปีหน้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีก 30% จากการเดินหน้าขยายกองเรืออีก 2 ลำ ทำให้น้ำหนักบรรทุกรวมของกองเรือจะมากกว่าหนึ่งแสนเดทเวทตัน รวมถึงขยายธุรกิจในส่วนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายพิศาล กล่าว