แอ็พพลาย ดีบี พร้อมเข้าเทรด 9 พฤศจิกายนนี้ เร่งก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ตามแผนงาน คาดแล้วเสร็จเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/61 ดันกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์กาว และยาแนว เพิ่มขึ้นอีก 13,590 ตันต่อปี และอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งเม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ และเม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนุนการเติบโตในอนาคต ด้านผู้บริหารมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 524%
นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้นำผลิตภัณฑ์กาว และยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อ “ADB” ในการซื้อขาย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจที่ดีจากนักลงทุนที่มั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และแผนขยายการลงทุนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ADB มีเป้าหมายจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC และจะขยายช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าเดิมในทวีปแอฟริกา และเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์กาว และผลิตภัณฑ์ยาแนว ประกอบด้วย 1. ผลิตภัณฑ์กาวชนิดต่าง ๆ เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ และ 2. ผลิตภัณฑ์ยาแนว แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อะคริลิกยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นน้อย และคงทนต่อสภาพแวดล้อมต่ำ และผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่น และคงทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมสูง โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ และรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่เจ้าของตราสินค้าชั้นนำในระดับสากล นอกจากนี้ ยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมที่ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์กาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยึดติดวัสดุและเสริมศักยภาพของกาว
กลุ่มที่ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย 1. ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซี แบบนิ่ม ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมสายไฟ และสายเคเบิล และแบบแข็ง ซึ่งนำไปขึ้นรูปเพื่อผลิตขอบคิ้วเฟอร์นิเจอร์ ฟิล์มฉลากบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ และข้อต่อท่อพีวีซี 2. เส้นใยสังเคราะห์โพลีโพรพิลีน เพื่อแปรรูป และใช้เป็นฟิลเลอร์ร่วมกับเม็ดพลาสติกในกระบวนการผลิตสายไฟ และสายเคเบิล และ 3. เม็ดเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ ที่นำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามความต้องการ
นายหวัง กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนสร้างการเติบโตในอนาคต โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าใช้งบลงทุนรวม 230 ล้านบาท เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์กาว และยาแนว 4 รายการ แบ่งเป็นการผลิตสินค้าใหม่ ได้แก่ 1. ซิลิโคนยาแนว และ 2. โมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าในปัจจุบัน ได้แก่ 1. อะคริลิกยาแนว และ 2. กาวแทนตะปู โดยผลิตภัณฑ์ยาแนวนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี คาดว่าโรงงานใหม่จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/61 และจะผลิตเต็มประสิทธิภาพได้ในปี 2563 ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าวมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 13,590 ตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีเพื่อนำไปใช้ผลิตสายไฟที่ก่อให้เกิดควันและสารพิษต่ำเมื่อถูกไฟไหม้ ตอบสนองความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์จากพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 (กรกฎาคม-กันยายน 2560) กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม 355.17 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 6.06% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่มีกำไรสุทธิ 9.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 524% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าได้ผ่านช่วงผลการดำเนินงานที่ต่ำสุดมาแล้วในครึ่งปีแรก และกำลังจะกลับสู่ภาวะการดำเนินงานที่ดีขึ้นเหมือนที่ผ่านมาและจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการขยายธุรกิจตามแผนงาน
“ทิศทางการดำเนินงานของ ADB จะมุ่งขยายตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ โดยเรามีการติดตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาด พร้อมทั้งใช้จุดแข็งของทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่พร้อมทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาสินค้าตามความต้องการเฉพาะราย” นายหวัง กล่าว
นางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นใน ADB ว่าจะเป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต และจะเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมากกว่า 30 ปี และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์มุ่งไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไรที่ดี หรือเป็นสินค้านวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อรุกไปยังตลาดที่มีการแข่งขันไม่รุนแรง หรือมีผู้พัฒนาสินค้าเพียงไม่กี่ราย
ขณะเดียวกัน ADB ยังมีความพร้อมด้านสินค้าที่หลากหลาย และบริการอย่างครบวงจรแบบวันสตอปเซอร์วิส รวมถึงมีจุดแข็งด้านทีม R&D ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการในตลาด หรือพัฒนาสินค้าที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะราย ช่วยสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ