บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ ไตรมาส 3 กำไร 29.68 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อน ขาดทุน 3.76 ล้านบาท ผลจากกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น หลังต้นทุนการดำเนินงานลดต่ำลง ขณะ “เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง” ได้รับงานโครงสร้างโรงบดแร่และแยกแร่ในออสเตรเลีย มูลค่า 255.30 ล้านบาท
นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 29.68 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุน 3.76 ล้านบาท เนื่องจากกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น หลังต้นทุนการดำเนินงานลดต่ำลง แม้ผลงานไตรมาส 3 ปีนี้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทลดลดง 67.00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 เพราะรายได้จากการรับจ้างผลิตที่ลดลง ซึ่งไตรมาส 3 ปีนี้กลุ่มบริษัทมีรายได้จากงานแปรรูปชิ้นงานเหล็กเพียงกลุ่มเดียว
โดยมีโครงการหลัก เช่น โครงการแปรรูปชิ้นงานเหล็กของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Alba ประเทศบาห์เรน และโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากกลุ่มงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก (Part Fabrication) และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร (Power Plant EPC Contractor) จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (solar farm) ที่เริ่มรับรู้รายได้ประกอบกับ 2) รายได้อื่นของกลุ่มบริษัทลดลง เนื่องจากไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า
พร้อมกันนี้ BTW ยังแจ้งอีกว่า บริษัท เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแกนของกลุ่มบริษัท ได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงจากลูกค้าในการว่าจ้างผลิตงานในเดือนกันยายน 2560 และมีการเซ็นสัญญารับงานเมื่อเดือนตุลาคม 2560 สำหรับโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ โครงการ Modular Crush & Screen Project โครงการแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่สำหรับการบดแร่และแยกแร่ ซึ่งมี Crushing Services International Pty Ltd เป็นผู้ว่าจ้าง มูลค่าโครงการ 7.74 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 255.30 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) จากไตรมาส 4 ปี 2560 ถึงไตรมาส 1 ปี 2561 เป็นงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่สำหรับโครงสร้างโรงบดแร่และแยกแร่ในออสเตรเลีย
นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 29.68 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนขาดทุน 3.76 ล้านบาท เนื่องจากกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น หลังต้นทุนการดำเนินงานลดต่ำลง แม้ผลงานไตรมาส 3 ปีนี้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทลดลดง 67.00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 เพราะรายได้จากการรับจ้างผลิตที่ลดลง ซึ่งไตรมาส 3 ปีนี้กลุ่มบริษัทมีรายได้จากงานแปรรูปชิ้นงานเหล็กเพียงกลุ่มเดียว
โดยมีโครงการหลัก เช่น โครงการแปรรูปชิ้นงานเหล็กของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Alba ประเทศบาห์เรน และโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากกลุ่มงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก (Part Fabrication) และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร (Power Plant EPC Contractor) จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (solar farm) ที่เริ่มรับรู้รายได้ประกอบกับ 2) รายได้อื่นของกลุ่มบริษัทลดลง เนื่องจากไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า
พร้อมกันนี้ BTW ยังแจ้งอีกว่า บริษัท เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแกนของกลุ่มบริษัท ได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงจากลูกค้าในการว่าจ้างผลิตงานในเดือนกันยายน 2560 และมีการเซ็นสัญญารับงานเมื่อเดือนตุลาคม 2560 สำหรับโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ โครงการ Modular Crush & Screen Project โครงการแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่สำหรับการบดแร่และแยกแร่ ซึ่งมี Crushing Services International Pty Ltd เป็นผู้ว่าจ้าง มูลค่าโครงการ 7.74 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 255.30 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) จากไตรมาส 4 ปี 2560 ถึงไตรมาส 1 ปี 2561 เป็นงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่สำหรับโครงสร้างโรงบดแร่และแยกแร่ในออสเตรเลีย