xs
xsm
sm
md
lg

“อภิศักดิ์” สั่ง “ปลัดคลัง” ศึกษาแนวทางช่วยคนจนเฟส 2 ให้เสร็จ ธ.ค. นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รมว.คลัง สั่งปลัดคลังศึกษาเพิ่มเติมถึงแนวทางให้ความช่วยเหลือคนจนระยะ 2 หลังกรมบัญชีกลาง ได้แจกบัตรสวัสดิการ ซึ่งเป็นโครงการะยะแรกไปแล้ว ระบุต้องศึกษาให้เสร็จสิ้น ธ.ค. นี้ ส่วนเงื่อนไขมาตรการช็อปช่วยชาติ ที่จะเข้า ครม. ในวันทีื่ 7 พ.ย. คาดคลังให้วงเงินลดหย่อนภาษีนักชอปที่ 15,000 บาท แต่ระยะเวลาอาจนานกว่า 15 วัน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการศึกษาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับสวัดิการแห่งรัฐว่า ตนได้สั่งการให้นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปศึกษาแนวทางเพิ่มเติมแล้ว เนื่องจากถือเป็นโครงการระยะที่ 2 หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือคนจนระยะแรก โดยการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนทั้งหมด 10.6 ล้านคน ซึ่งถือเป็นโครงการระยะแรกในการใช้บริการสวัสดิการต่าง ๆ เช่น รถเมล์, รถไฟฟรี, การใช้จ่ายเงินผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ วงเงิน 200 บาท และ 300 บาทต่อเดือน โดยโครงการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ และมีความคืบหน้าอย่างมาก ดังนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการโครงการระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อให้โครงการให้ความช่วยเหลือในระยะที่ 2 สามารถเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2561

อย่างไรก็ตาม รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการโครงการอย่างไร แต่แนวทางที่วางไว้ คือ จะนำรายชื่อประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการฯ มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยให้คัดกรองรายชื่อจากผู้ที่ลงทะเบียนคนจนทั้ง 11.4 ล้านรายให้เหลือ 10.6 ล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้แม้ถือว่าเป็นคนจนที่มีรายได้น้อยก็จริง แต่การพิจารณาให้ความช่วยเหลือนั้น กระทรวงการคลังจะดูว่าควรให้ความช่วยเหลือทั้ง 10.6 ล้านราย หรือควรให้ความช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 30,000 บาท มีประมาณ 3 ล้านคนหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป

ส่วนมาตรการช็อปช่วยชาติ ที่จะมีการพิจาณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 พ.ย. นี้ นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า โดยหลักการตนไม่สามารถจะเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการได้จนกว่าจะผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีแล้วเท่านั้น เนื่องจากถือเป็นมาตรการทางด้านภาษีที่จะมีผลกระทบต่อราคาสินค้า และการจัดเก็บรายได้ โดยในปี 2559 คณะรัฐมนตรได้อนุมัติให้ดำเนินมาตรการช็อปช่วยชาติ เป็นระยะเวลา 15 วันก่อนจะสิ้นปี 2559 แต่ในครั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการขยายระยะเวลาให้ยาวนานขึ้น กระทรวงการคลังก็น่าจะให้มาตรการมีอายุนานกว่าปีที่แล้ว ส่วนค่าลดหย่อนจะเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทด้วยหรือไม่ ไม่สามารถบอกได้ แต่การให้ค่าลดหย่อนที่ 15,000 บาทนั้นก็ถือว่ามากแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อไปว่า แนวความคิดที่สำคัญของมาตรการช็อปช่วยชาติ คือ ประเทศไทยได้ผ่านช่วงเวลาไว้ทุกข์มาแล้ว 1 ปี จากนี้จึงต้องกพิจารณาว่าจะทำเช่นไร เพื่อให้คนมีความรู้สึกว่าได้กลับมาทำอะไรที่คึกคักขึ้น โดยเฉพาะคนระดับกลางของประเทศไทยที่มีรายได้พอสมควร มีฐานะ มีความมั่นคงดีพอสมควร และคนเหล่านี้จะนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว แต่การใช้จ่ายในประเทศของคนกลุ่มนี้ถือว่ายังน้อยอยู่ ดังนั้น จึงต้องทำมาตรการชั่วคราว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศขึ้นมา

สำหรับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ยังคงไม่มีข้อสรุปเช่นเดียวกับเรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการหารือรายละเอียด แม้ในหลักการตนจะเห็นด้วยอย่างแน่นอนแล้วก็ตาม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถือเป็นการส่งเสนิมให้เกิดจากการซื้อสินค้าภายในประเทศ และสร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่เศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบัน กรมสรรพากรมมีการคืนภาษี (Tax Refund) ให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนามบินอยู่แล้ว แต่หากจะมี Tax Refund ณ จุดขาย กระทรวงการคลังเกรงว่าจะมีการนำสินค้ากลับมาเวียนขายใหม่ภายในประเทศ หรืออาจมีการโกงภาษีเกิดขึ้นได้ เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยมีระเบียบวินัย แต่หากจะดำเนินการจริง ๆ แล้ว จะต้องมีการกำหนดมาตรการป้องกันล่วงหน้า เพื่อป้องกันผลประทบกับผู้ประกอบการภายในประเทศเอง

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 พ.ย. นี้ กระทรวงการคลังยังได้เตรียมที่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาถึงมาตรการเพิ่มเบี้ยค่าครองชีพแก่ผู้สูงอายุด้วย โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิในการรับเบี้ยผู้สูงอายุที่ร่ำรวยสามารถสละสิทธิ์ของตนเองได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. นี้ เป็นต้น เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถที่จะนำเงินที่สละสิทธิไปมอบให้แก่คนชรายากจนที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการของรัฐที่มีอยู่ประมาณ 3 ล้านคนได้ต่อไป แต่เงินส่วนที่เพิ่มขึ้นจะมีมาหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสละสิทธิจากผู้สูงอายุที่ร่ำรวย
กำลังโหลดความคิดเห็น