“สตาร์ ปิโตรเลียม” ชี้วิกฤตพลังงานผ่านพ้นไปแล้ว เชื่อค่าการกลั่นหน้าจะปรับตัวสูงขึ้นไปแตะ 6-8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เผยอาจต้องจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย. อาจส่งงสัญญาณปรับลดกำลังการผลิต
นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ SPRC กล่าวว่า บริษัทประเมินค่าการกลั่น (Gross Refining Margin : GRM) ในปีนี้จะใกล้เคียงกับ 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยสูงกว่าที่ประเมินไว้ว่า ทั้งปีนี้จะอยู่ในช่วง 5-7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ผลกระทบมาจากการที่พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา และฮาร์วีย์ สร้างความเสียหายต่อประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กำลังการกลั่นหายไปกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสะท้อนกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อค่าการกลั่นให้ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าทิศทางราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 4/2560 จะอยู่ที่ประมาณ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยประเด็นหลักที่ต้องจับตามอง คือ การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย. ว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปอีกหรือไม่ ขณะที่ในส่วนของประเทศซาอุดิอาระเบียยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณน้ำมันคงคลังของประเทศพัฒนาแล้ว (OECD oil stock) ให้กลับสู่ระดับปกติ (ที่ระดับเฉลี่ย 5 ปี) ซึ่งหากสามารถบรรลุข้อตกลงนี้ได้ ก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงกลับขึ้นมาอีกครั้ง
“คาดว่าในท้ายไตรมาส 4 ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูหนาวที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นนั้น คาดว่าค่าการกลั่นจะใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา”
ด้านกำลังการผลิตในช่วงที่เหลือของปีจนถึงสิ้นปี 2562 บริษัทฯ มองว่า กำลังการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 165,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อนที่จะมีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เป็นเวลา 30-33 วัน ซึ่งบริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยหลังจากที่ซ่อมบำรุงเสร็จแล้วจะทำให้ มีศักยภาพกำลังการผลิตของการกลั่นน้ำมันดิบ หรือ CDU เพิ่มขึ้นเป็น 175,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิม 165,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตจนเต็มศักยภาพได้ช่วงต้นปี 2563
ขณะที่ค่าการกลั่นในปี 2561 มองว่าจะอยู่ที่ระดับ 6-8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจุบัน พื้นฐานต่าง ๆ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมองว่า ค่าการกลั่นจะสามารถรักษาให้อยู่ในกรอบที่บริษัทคาดการณ์ไว้ได้