“บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” เดินหน้า COD โครงการโรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 129.9 MW สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบตามสัญญาให้แก่ กฟผ. จำนวน 90.0 MW เป็นระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้า และไอน้ำ ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จำนวน 32.8 เมกะวัตต์ และไอน้ำ จำนวน 25.0 ตันต่อชั่วโมง
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพิ่มเติมให้แก่ สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่ออัปเดตความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD โครงการโรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 (Gulf TS3 หรือ GTS3) ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้า SPP ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของ GTS3 ซึ่งมีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้า GTS3 สามารถเริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตามกำหนด
โครงการโรงไฟฟ้า GTS3 ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 ก่อสร้างแล้วเสร็จวันที่ 31 ตุลาคม 2560 และสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ตามสัญญาให้แก่ กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 นอกจากนี้ ยังได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้า และไอน้ำ ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จำนวน 32.8 เมกะวัตต์ และไอน้ำ จำนวน 25.0 ตันต่อชั่วโมง ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ระบบโคเจนเนอรเรชัน (Cogeneration) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องกังหันก๊าซ (Gas Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 37.0 เมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งอยู่ที่ 129.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งอยู่ที่ 25.0 ตันต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งสิ้น 4,772.1 เมกะวัตต์
“เรายังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และจะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อีกหลายโครงการ เพื่อรองรับการขยายตัวของเขตพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)” นางพรทิพา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำและน้ำเย็น และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ กลุ่ม J-Power ผู้พัฒนาและผลิตไฟฟ้าชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด ซึ่ง กัลฟ์ ถือหุ้น 40% และยังได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัท Mitsui จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 2 บริษัทได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด และบริษัท อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งกัลฟ์ถือหุ้น 70% และ 51% ตามลำดับ เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท อินดิเพนเดนท์ เพาเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นร้อยละ 70 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นแล้วเสร็จก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังถือหุ้นร้อยละ 9.09 ใน SPCG ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดของไทย และถือหุ้นร้อยละ 0.46 ใน EDL Generation ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในประเทศลาว ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อให้ลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่ม WHA อีกด้วย