xs
xsm
sm
md
lg

รมว.คลัง ยัน หนุนโครงการช้อปช่วยชาติ หวังดันจีดีพีไตรมาสุดท้ายปี 60

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการคลัง
รมว.คลัง พร้อมหนุนโครงการช้อปช่วยชาติ ตามข้อเสนอจากนายกฯ เหตุเศรษฐกิจไทยยังไม่ติดลมบน จึงจำเป็นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากปลายปี 60 จนถึงต้นปี 61 ย้ำ จะเดินหน้าผลักดันกฎหมายการบริหารจัดการเงินฝากของประชาชนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวต่อไป ด้าน ผอ. สศค. เผยยังไม่มีข้อสรุปการตรวจสอบนายแบบที่ได้รับบัตรสวัสดิการ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการคลัง แสดงความเห็นด้วยกับแนวคิด พล.อ. ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ในการออกมาตรการช้อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2560 และต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2561 ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2557 ที่ขยายตัวได้เพียง 0.8% ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ในปี 2558 และ 3.2% เมื่อปี 59 โดยในปีนี้กระทรวงการคลัง คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตได้ 3.8-3.9% และล่าสุดได้รับรายงานว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 4% ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณบวกที่ดีมาก

นายอภิศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลได้พยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยลอยขึ้นติดลมบน เหมือนกับการเล่นว่าว แต่ตราบใดที่ว่าวยังไม่ติดลมบน คนที่เล่น หรือผู้ควบคุมว่าว ก็ต้องค่อยกระตุ้น และดูแลอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในช่วงนี้ ตนยังไม่ถือว่าติดลมบน เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง ที่น่าจะอยู่ที่ระดับ 4-5% สำหรับมาตรการช้อปช่วยชาตินั้น โดยในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแล้ว 2 ปีติดต่อกัน (2558-2559) ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีรายได้สูง และรายได้ปานกลาง ที่เดินทางท่องเที่ยว และซื้อสินค้าจากต่างประเทศ จะได้หันมาซื้อสินค้าและใช้จ่ายเงินภายในประเทศมากขึ้น ส่วนข้อเสีย คือ คนจะติดใจ และรอมาตรการดังกล่าวจากรัฐบาลทุก ๆ ปี

ส่วนเรื่องการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน ที่อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากประชาชนนั้น เป็นข้อเสนอของตนเอง เนื่องจากสถาบันการเงินปัจจุบันที่มีเงินฝากอยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวเกิน 10 ปี กรณีวงเงินต่ำกว่า 2,000 บาท

ทั้งนี้ สถาบันการเงินจะเลือกดำเนินการ 2 วิธี คือ 1. นำเงินที่อยู่ในบัญชีเงินฝากดังกล่าวแยกออกไปจากธนาคาร โดยนำไปเป็นพักไว้ชั่วคราว เนื่องจากไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของเงินนั้นถือว่าเป็นแนวทางที่ดี เนื่องจากจะยังมีเงินอยู่ในบัญชี เพียงแต่สถาบันการเงินไม่ต้องการจ่ายเงินสมทบให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ในอัตรา 0.47% ของยอดเงินฝาก

ส่วนวิธีที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางไม่ดี และต้องไปถามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสาเหตุที่ปล่อยให้สถาบันการเงินสามารถนำเงินฝากของประชาชนที่อยู่ในบัญชีโดยไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปีนั้น มารับรู้เป็นรายได้ของธนาคารได้ ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่มีเงินฝากอยู่ในบัญชีอีกแล้ว เพียงแต่ประเด็นนี้ คือ สิ่งประชาชนไม่ทราบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า สิ่งที่กระทรวงการคลังกำลังจะดำเนินการนั้นไม่ใช่เรื่องการยึดเงินฝากของประชาชน และไม่ใช่เรื่องว่ากระทรวงการคลังถังแตก แต่เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด เนื่องจากเงินฝากที่กระทรวงการคลังดึงมาจากสถาบันการเงินจะอยู่ในเงินคงคลัง ซึ่งสามารถถอนเงินฝากออกมาได้ไม่มีการสูญหาย ซึ่งวิธีการนี้ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย ก็นำมาใช้กัน เนื่องจากเงินดังกล่าวยังถือเป็นเงินของประชาชน ไม่ใช่เงินฝากของสถานบันการเงินอีกต่อไป

นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ยังกล่าวถึงผลติดตามการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด จะมีมูลค่ารวม 1.3 ล้านบาท ส่วนเรื่องช่องทางการใช้บัตรผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า จะเพิ่มร้านค้าชุมชนของกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง ซึ่งประมาณ 70,000-80,000 แห่งเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้า ซึ่งจะเพิ่มจุดให้บริการให้แก่ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการฯ ได้มากขึ้น อีกทั้ง ยังได้กำชับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท) ดำเนินการแก้ไขเรื่องระบบการจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเช่นเดียวกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต้องเร่งติดเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Ticket ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

ด้านนายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบนายแบบที่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ ว่ายังไม่มีข้อสรุป โดยในขณะนี้เจ้าหน้าได้ประสานงานไปเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมแล้ว ในปี 2562 ที่จะมีการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯ รอบใหม่ กระทรวงการคลังจะระบุให้เป็นสัญญาว่า หากผู้ถือบัตรสวัสดิการทำผิดเงื่อนไข กระทรวงการคลังสามารถระงับหรือตัดสิทธิการใช้บัตรสวัสดิการฯ ได้โดยทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น