ดัชนี SET Index ปิดตลาดทำการซื้อขายภาคเช้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.97 จุด โดยปิดตลาดที่ 1,716.81 ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,721.88 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,712.02 จุด มูลค่าซื้อขาย 31,624.29 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BCPG ปิดที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,294.18 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 414.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,261.68 ล้านบาท
TOA ปิดที่ 36.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,047.39 ล้านบาท
IVL ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 865.68 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 857.30 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปรับตัวอยู่ในทิศทางบวกต่อเนื่อง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนใหวในทิศทางบวก หลังจากที่ผลการประชุม ECB ยืนตามมติการคงอัตราดอกเบี้ย และการขยายเวลาในการทำ QE ออกไปอีกอย่างน้อย 9 เดือน มองว่าเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในตลาดทุน
อย่างไรก็ดี SET Index ยังได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของกองทุน โดยนักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่น การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ อาจมีความเป็นไปได้ว่า ดัชนี SET Index อาจจะเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากช่วงเช้าปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังมีโอกาสที่จะผันผวนในทิศทางบวก โดยประเมินแนวต้านที่ 1,725 จุด และแนวรับที่ 1,710 จุด