นักวิเคราะห์จาก บล. บัวหลวง คาด “สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ” มีโอกาสสูงที่จะชนะงานประมูลโครงการแม่เมาะ 9 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ SQ มากว่า 30 ปี โดยคาดว่ามูลค่าโครงการแม่เมาะ 9 อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซ้ำยังปลอดคู่แข่ง เพราะมีเพียงรายเดียว ลุ้นประกาศผลการประมูลภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม
บล. บัวหลวงเผยมุมมองการลงทุนของ บมจ. สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ ว่าจากการประเมินทิศทางธุรกิจของ บมจ. สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ มองว่า หากบริษัทฯ เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการแม่เมาะ 9 นี้บริษัทฯ จะมีงานในมือเพิ่มขึ้น หรือปริมาณงานในมือที่ได้เซ็นสัญญาแล้วเพิ่มขึ้นกว่า 100% เป็น 76,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน SQ มีแบ็กล็อกสูงถึง 37,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานโครงการแม่เมาะ 8 จำนวน 2.1 หมื่นล้านบาท, โครงการแม่เมาะ 7 จำนวน 1.8 พันล้านบาท, โครงการหงสาฯกว่า 1.03 หมื่นล้านบาท, โครงการเหมืองดีบุกที่เมียนมาร์ 3.67 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เราประเมินว่าภายในสัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้า จะมีการประกาศผลผู้ผ่านเงื่อนไขทางเทคนิคก่อนที่จะประกาศผลช่วงสิ้นเดือน ซึ่งมีความเชื่อว่า SQ ยังได้เปรียบในด้านความสามารถในการบริหารเครื่องจักร (เมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต ซึ่งตอกย้ำความสามารถของ SQ ในด้านนี้เป็นอย่างดี) ทำให้มีโอกาสสูงที่จะคว้างานนี้ไปได้ ถ้าหากบริษัทฯ ชนะการประมูลในครั้งนี้จะส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 76,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังเชื่อว่ากำไรจากงานแม่เมาะ 9 จะหนุนให้เกิด EPS ส่วนเพิ่มกับบริษัทราว 40% แม้ว่าจะมีประเด็นความกังวลของตลาดในเรื่องของผลประกอบการณ์ที่ชะลอตัว Q3 ปี 2017 เนื่องจากฝนที่ตกหนักแต่เป็นแค่ปัจจัยด้านฤดูกาลปกติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับงานส่วนเพิ่มมาทำในช่วงที่เป็นรอยต่อในการลงเครื่องจักรใหญ่ของโครงการแม่เมาะ 8 (ส.ค.-พ.ย.) และมีโอกาสที่เครื่องจักรใหญ่จะเริ่มดำเนินการได้ในทันทีเดือนธันวาคม ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม (มีนาคม ปี 2561) อีกทั้งงานขนถ่านโครงการแม่เมาะ 7 เริ่มกลับมาเรียกตามแผน สำหรับโครงการหงสาฯ คาดมีโอกาสเจราจาได้งานเพิ่มทั้งโครงการตามแผนการเพิ่มโรงไฟฟ้า ทำให้โดยรวมเราปรับประมาณการกำไรปี 2017 ขึ้น 15% มาที่ 436 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ทาง บลจ. บัวหลวงได้ปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2018 ที่ 9 บาท อิง P/E 20 เท่า ซึ่งปัจจุบัน หุ้นซื้อขายบน P/E ที่ 19 เท่าในปี 2017 และจะลดลงเหลือเพียง 16 เท่าในปีหน้า ซึ่งถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่มที่ 25 เท่า