xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ยิ่งใหญ่ในวอลล์สตรีทเตือน บางส่วนในแผนภาษีทรัมป์คือความผิดพลาดอันน่าสยดสยอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์เปิดเผยบทความที่ระบุว่า แผนการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากมหาเศรษฐีผู้คร่ำหวอดอยู่ในตลาดวอลล์สตรีท ทั้งปู่ Buffett และ Fink แห่ง BlackRock ซึ่งออกมาให้ความเห็นตรงกันว่า ภาษีนิติบุคคลไม่จำเป็นจะต้องลดลงมากเท่ากับแผนการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปู่ Buffett กล่าวว่า แผนลดภาษีของทรัมป์ จะช่วยบริษัทใหญ่ และคนอเมริกันที่ร่ำรวย ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรอยู่แล้ว

“พวกเรามีธุรกิจหลายอย่าง และผมไม่คิดว่าบริษัทของพวกเราไม่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก เนื่องจากอัตราภาษีนิติบุคคล” ปู่ Buffett กล่าวต่อ CNBC

ส่วน Fink แห่ง BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้สัมภาษณ์ต่อ Bloomberg TV โดยกล่าวว่า อัตราภาษีนิติบุคคลที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 27% ซึ่งเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการด้านภาษีของธุรกิจสหรัฐฯ ขณะที่การลดภาษีตามที่ทรัมป์เสนอจะทำให้การขาดุลของรัฐบาลสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร

แผนการปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยออกมาเสนอให้ลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 20% จากระดับปัจจุบันที่ 35% ซึ่งทำให้บริษัทข้ามชาติหลายหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีโดยการเก็บผลกำไรไว้ในต่างประเทศ และใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางภาษีที่มากมาย ทั้งนี้ แผนภาษีที่พรรครีพับลิกันเปิดเผยออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว เรียกร้องให้มีการปรับลดภาษี 6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้รายรับของรัฐบาลกลางลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งทรัมป์ กล่าวว่า การเสียรายได้จากการลดภาษีจะถูกชดเชยด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้นเองในอนาคต ด้านสำนักงบประมาณของสภาคอนเกรสได้คาดการณ์ว่า การลดภาษีจะทำให้การขาดดุล หรือหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มเป็น 25 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ Buffett และ Fink ยังวิพากษ์วิจารณ์การริเริ่มด้านภาษีอื่นของพรรครีพับลิกัน โดย Buffett กล่าวว่า ข้อเสนอเพื่อยกเลิกภาษีมรดกจะเป็น “ความผิดพลาดอันน่าสยดสยอง” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งโดยไม่จำเป็น

ขณะที่ Fink คาดการณ์ว่า การปฏิรูปภาษีจะไม่ผ่านเป็นกฏหมาย ถ้ายังคงรวมข้อเสนอยกเลิกระบบการนำค่าใช้จ่ายจากภาษีท้องถิ่น (State and Local Tax) มาหนักลดหย่อนภาษีเงินได้

ความกระหายในชัยชนะหลังจากล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งในการคว่ำโอบามา แคร์ อาจทำให้สมาชิกรีพับลิกันบางส่วนที่มีแนวคิดลักษณะ deficit hawk หรือมีแนวคิดที่ต้องการควบคุมงบประมาณสหรัฐฯ ยินดีที่จะยอมรับแผนภาษีที่เพิ่มการขาดดุลของรัฐบาลกลาง

อย่างไรก็ตามนายบ็อบ คอร์เคอร์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขาจะไม่สนับสนุนแผนปฏิรูปภาษีนี้ ถ้าหากแผนดังกล่าวส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิยังยืนยันว่า การลดอัตราภาษีนิติบุคคลเป็น 20% จะช่วยเพิ่มงาน และเงินเดือน แม้ว่าคำกล่าวอ้างนี้จะถูกโต้แย้งโดยพรรคเดโมแครตก็ตาม

ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายในการจะผลักดันแผนปฏิรูปภาษีให้ออกเป็นกฏหมาย เนื่องจากจุดยืนของนายคอร์เคอร์ ถือว่ามีความสำคัญ เพราะวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากถึง 52 ที่นั่ง ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนฯ มีเสียงเพียง 48 ที่นั่งเท่านั้น ดังนั้น หากมีเสียงคัดค้านของสมาชิกพรรครีพับลิกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ก็จะทำให้แผนปฏิรูปภาษีเพิ่มความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากขึ้น

แต่หากพรรครีพับลิกันผลักดันร่างกฎหมายภาษีได้สำเร็จ นั่นก็จะถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ครั้งแรกในการออกกฎหมายของพรรครีพับลิกันในปีนี้ซึ่งอาจจะเรียกความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนซึ่งส่งผลหนุนสินทรัพย์เสี่ยง และสกุลเงินดอลลาร์ และเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำได้

กำลังโหลดความคิดเห็น