ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ รุกขยายโรงผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) อีก 6 แห่ง เพิ่มขีดความสามารถการรับขยะเพื่อคัดแยกรวมกันอีกวันละ 2,800-3,000 ตัน และผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF สำหรับใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้วันละ 1,400 ตัน หนุนความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงรองรับโรงไฟฟ้าแห่งใหม่
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนและอยู่ระหว่างเตรียมการขยายโรงคัดแยกขยะและผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) นอกพื้นที่โรงงานในจังหวัดสระบุรี เพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง ในจังหวัดนครราชสีมา สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง และอยุธยา (2 แห่ง) เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง RDF ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะที่คาดว่าจะเริ่ม COD ในเร็ว ๆ นี้ และเพื่อรองรับการขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมในอนาคต จากปัจจุบันที่ TPIPP มีโรงผลิตเชื้อเพลิง RDF ในจังหวัดสระบุรี ที่สามารถรับปริมาณขยะชุมชน และขยะคัดแยกได้ 6,000 ตันต่อวัน และผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF ได้ 3,000 ตันต่อวัน
สำหรับโรงผลิตเชื้อเพลิง RDF แห่งใหม่ทั้ง 6 แห่งนั้น เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะมีความสามารถรับและคัดแยกขยะได้รวมกันประมาณ 2,800-3,000 ตันต่อวัน และผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF ได้รวมกันประมาณ 1,400 ตันต่อวัน โดยในส่วนโรงผลิตเชื้อเพลิง RDF ที่เริ่มเปิดดำเนินการไปแล้วในช่วงต้นปีนี้ ได้แก่ ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสามารถรับขยะเพื่อดำเนินการคัดแยกได้วันละ 400 ตัน และผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF ได้วันละ 200 ตัน ส่วนโรงผลิตเชื้อเพลิง RDF ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 แห่ง ได้แก่ 1. อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 2. อำเภอนาดี จังหวัดสมุทรสาคร และ 3. อำเภอบางไทร จังหวัดอยุธยา คาดว่าจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 4/60 โดยสามารถรับขยะและคัดแยกได้รวมกัน 1,600-1,800 ตันต่อวัน และผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF ได้รวมกัน 700-800 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมการขยายโรงคัดแยกขยะและผลิตเชื้อเพลิง RDF นอกพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพิ่มเติมอีก 2 แห่งที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยา และที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ซึ่งจะสามารถผลิตเชื้อเพลิง RDF ได้รวมกันอีก 400 ตันต่อวัน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณขยะมากเพียงพอต่อการใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF เพื่อป้อนให้แก่โรงไฟฟ้าในระยะยาว
“การขยายโรงคัดแยกขยะและผลิตเชื้อเพลิง RDF นอกพื้นที่จังหวัดสระบุรี จะช่วยสร้างความมั่นคงในด้านการจัดหาขยะและปริมาณเชื้อเพลิง RDF ที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายฐานโรงไฟฟ้าในจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งขยะมาที่จังหวัดสระบุรี เนื่องจากสามารถคัดแยกขยะจากต้นทาง และเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ที่โรงผลิตในแต่ละจังหวัดได้ทันที” นายวรวิทย์ กล่าว