แสนสิริ ประกาศความร่วมมือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Luen Thai (ลุนไทย) กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ในจีน ขยายตลาดอสังหาฯ ไทย ประกาศยึดหัวเมืองใหญ่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น และกวางโจว เปิด 4 สำนักงานขายครองตลาดจีน ดึงจุดแข็ง Luen Thai ที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงครอบคลุมธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การประมง การท่องเที่ยว ลอจิสติกส์ และซัปพลายเชนในตลาดประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดโกยยอดขายจีนปีนี้ 3,500 ล้านบาท ดันยอดขายรวมต่างชาติแตะ 9,000 ล้านบาท พร้อมเพิ่มเป้ายอดขายต่างชาติปีหน้าเป็น 12,000 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยถึงศักยภาพ และโอกาสทางธุรกิจในตลาดประเทศจีน ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายในตลาดจีนปี 2559 สูงถึง 1,700 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 9 เดือนของปีนี้ บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากตลาดจีนได้แล้วถึง 2,300 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างยอดขายจากตลาดจีนได้ถึง 3,500 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับตลาดฮ่องกง ซึ่งยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในทั้งสองประเทศ คือ จีน และฮ่องกง ประมาณ 7,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดขายตลาดต่างชาติจากประเทศอื่น ๆ จะทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมตลาดต่างชาติได้ถึง 9,000 ล้านบาท เกินจากเป้าหมาย 8,500 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ (Strategic Partner) กับ Luen Thai Group Limited กลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งมีฐานการดำเนินธุรกิจอยู่ในฮ่องกง โดยประกอบกิจการในธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การประมง การท่องเที่ยว ลอจิสติกส์ และซัปพลายเชน ในตลาดประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นการสร้างความร่วมมือในระยะยาว เพื่อส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในตลาดจีน เครือข่ายทางธุรกิจในประเทศจีนที่เข้มแข็ง รวมไปถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ของ Luen Thai (ลุนไทย) จะช่วยให้แสนสิริ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวจีนได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน Luen Thai ก็จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์องค์ความรู้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมาตรฐานในระดับสากล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับโลกของแสนสิริ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาของกลุ่ม Luen Thai มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้เป็นการร่วมลงทุน (Joint Venture) สัดส่วน 50:50 เพื่อขยายธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ไทยในประเทศจีน โดยเริ่มจากการตั้งสำนักงานในจีนเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น และกวางโจว จากเดิมที่มีสาขาตั้งอยู่ในปักกิ่ง ทั้งนี้ สำนักงานในประเทศจีนของแสนสิริทั้ง 4 แห่งจะเป็นศูนย์กลางในการในการประสานงานธุรกิจกับตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น ( Local Property Agents) ในแต่ละเมือง รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมโรดโชว์ที่จะจัดขึ้นทุกเดือน เพื่อนำเสนอศักยภาพและความหลากหลายของอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยกลยุทธ์ทางการตลาดจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ตัวอย่างเช่น ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน จะมีฐานลูกค้าระดับกลาง และระดับบน ในกลุ่มนักลงทุนและผู้ต้องการบ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์ ส่วนเซี่ยงไฮ้ นับเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของจีนที่มีดีมานต์ความต้องการอสังหาฯ ไทยอยู่อีกจำนวนมาก ขณะที่กวางโจว และเสินเจิ้น เป็นเมืองที่มีทำเลไม่ไกลจากฮ่องกง มีการใช้ภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกับฮ่องกง ซึ่งแสนสิรินับว่ามีประสบการณ์และประสบความสำเร็จจากการทำตลาดที่ฮ่องกงมาแล้ว จึงสามารถนำประสบการณ์มาทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในกวางโจว และเสินเจิ้น ได้ไม่ยาก
นอกจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนแล้ว กลุ่มลูกค้าในประเทศจีนยังมองหาบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา เป็นต้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองเห็นความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนชาวจีน สำหรับคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาขายที่ต่ำกว่าในประเทศจีน 2-4 เท่าตัว รวมทั้งยังได้รับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่สูงกว่า โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 5-7% บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการโปรโมตโครงการคอนโดมีเนียมผ่านกิจกรรมโรดโชว์ โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมที่ตั้งในศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น ย่านสาทร ถนนวิทยุ และทองหล่อ เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น บริษัทยังเตรียมกระตุ้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ภาษาจีน www.sansirithailand.cn รวมไปถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในประเทศจีนอย่าง WeChat (วีแชต) และ YouKu (โยวคู่) อีกด้วย
“บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายจากตลาดจีนในปีนี้ได้ถึง 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายรวมตลาดต่างชาติในปีนี้เป็น 9,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% จากเป้ายอดขายรวม 40,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ในปีนี้ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูง ทั้งนี้ บริษัทยังได้ตั้งเป้าหมายยอดขายต่างชาติในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายกลุ่มลูกค้าจีนขึ้นสู่อันดับหนึ่งของยอดขายตลาดต่างชาติ เนื่องจากมองว่าศักยภาพความต้องการอสังหาฯ ไทยในตลาดจีนยังโตได้อีกมาก ตามด้วยกลุ่มลูกค้าในตลาดฮ่องกง ทั้งนี้ การจับมือเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับ Luen Thai (ลุนไทย) จะทำให้แสนสิริ มีฐานข้อมูลลูกค้าที่แข็งแกร่ง สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงในกลุ่มลูกค้าผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนรายได้สูง ซึ่งหากผลตอบรับจากการเปิดสำนักงานใน 4 เมืองประสบความสำเร็จ บริษัทยังมีแผนขยายการเปิดสำนักงานในหัวเมืองอื่น ๆ เพิ่มเติมมากขึ้นอีกด้วย” นายเศรษฐา กล่าว