ธอส. ระบาย NPL เสริมแกร่งการเงิน BAM รับซื้อลอตใหญ่ 6,971 ล้านบาท

“ธอส.”เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน เซ็นสัญญาจำหน่าย NPL ให้ “BAM” มูลค่าเงินต้นคงค้างรวม 6,971 ล้านบาท ช่วยลด NPL ธอส. ลงเหลือ 4.61% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ด้าน BAM พร้อมรับบริหารต่อ เตรียมแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ มุ่งเน้นวิธีการเจรจาประนีประนอม ช่วยลูกค้ากลับสู่ระบบเศรษฐกิจ แจง NPL ในความดูแล จำนวน 76,230 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 435,826 ล้านบาท ขณะที่มี NPA จำนวน 15,824 รายการ คิดเป็นมูลค่า 43,605 ล้านบาท

วานนี้ (17 ต.ค.60) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ลงนามสัญญาจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ร่วมกับ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (BAM) เพื่อจำหน่าย NPL ให้แก่ BAM มูลค่าเงินต้นคงค้าง 6,971 ล้านบาท โดยนายฉัตรชัย ศิวิไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า การขาย NPL ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการสินเชื่อเงินกู้ที่อยู่อาศัยที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้พร้อมกับพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ ธอส. จำหน่าย NPL ที่คงค้างเกิน 3 ปีขึ้นไป วงเงินไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปลายปี 59

ทั้งนี้ ภายหลังจาก ธอส. ได้แจ้งให้ลูกหนี้ทราบว่าจะดำเนินการจำหน่าย NPL ตามขั้นต้น ทำให้มีลูกหน้าบางส่วนขอประนอมหนี้กับธนาคารไป 4,000 ล้านบาท และมีบางส่วนที่ธนาคารคัดเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ทำให้เหลือส่วนที่จำหน่ายให้กับ VAM จำนวน 6,971 ล้านบาท สำหรับ NPL ที่จำหน่ายให้แก่ BAM นั้นแบ่งออกเป็น NPL ประเภทคอนโดมิเนียม 19% และบ้านเดี่ยว 81% โดยในจำนวนนี้เป็น NPLที่อยู่ในต่างจังหวัด 30% ส่วนที่เหลือ 70% เป็น NPLที่อยู่ใน กทม.

สำหรับการตัดจำหน่าย NPL เป็นหนึ่งในแผนการสร้างความแข็งแกร่งการเงินของธนาคาร เพื่อนำเงินสำรองที่ได้จากการตัดขาย NPL มาสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให่ให้ได้ตามเป้าหมาย 178,224 ล้านบาท โดยณ ไตรมาส 3 ธอส. สามรถปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 126,995 ล้านบาท คงเหลือเป้าที่ต้องปล่อยสินเชื่อใหม่อีกเกือบ 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเป็นการลด NPL ของ ธอส. ซึ่งตั้งเป้าว่าจะมีพอร์ต NPL ให้ต่ำกว่า 4% ในปี 61 โดยหลังการตัดขาย NPL ให้กับ BAM ครั้งนี้จะช่วยให้ NPL ลดไป 0.68% หรือมี LPN คงเหลืออยู่ที่ 4.61%

ทั้งนี้ ณ วันที่ 16 ต.ค. 60 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 126,995 ล้านบาท และ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/60 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 59 ธอส. มียอดสินเชื่อคงค้างรวมก่อนจำหน่าย NPL ครั้งนี้ 980,646 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.67% สินทรัพย์รวม 1,050,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.43% เงินฝากรวม 862,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.50% กำไรสุทธิ 9,048 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2560 ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.42% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย”

ด้านนายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า การลงนามในสัญญาจำหน่ายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ระหว่าง ธอส. กับ BAM ในครั้งนี้ มีภาระหนี้เงินต้น 6,971 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 13,407 บัญชี โดยลูกหนี้มีทั้งที่อยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2548 BAM มีการลงนามซื้อ NPL จาก ธอส. รวม 4 ครั้ง คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นรวมทั้งสิ้น 26,723 ล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 50,586 ราย

ทั้งนี้ ในขั้นตอนต่อไป BAM จะมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก และมุ่งเน้นวิธีการเจรจาประนีประนอม เพื่อหาข้อยุติที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็นหนี้ที่อยู่ในระหว่างการฟ้องร้องบังคับคดี BAM ก็เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลับมาเจรจาประนอมหนี้ได้ใหม่ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ และส่งกลับคืนระบบเศรษฐกิจตามปกติต่อไป

ปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแล จำนวน 76,230 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 435,826 ล้านบาท ขณะที่มี NPA จำนวน 15,824 รายการ คิดเป็นมูลค่า 43,605 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์หลักของการรับซื้อ NPL และ NPA จากสถาบันการเงินมาบริหารจัดการ มุ่งเน้นการเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐที่จะช่วยแก้ปัญหา และลดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต