บมจ. ทุ่งคาฮาเบอร์ ตั้ง “ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์” เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เปิดตัวธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตและมั่งคงในระยะยาว
นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ THL เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินชั้นนำของประเทศ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในดำเนินการปรับปรุงผลการดำเนินงาน เพื่อให้เข้าเกณฑ์การขอกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง
ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินดังกล่าวจะทำหน้าที่เพื่อรวบรวมข้อมูลบริษัท แผนธุรกิจ รายงานศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รายการทรัพย์สิน และงบการเงิน นำไปจัดเตรียมเอกสารประกอบการเสนอขายหลักทรัพย์ ประสานงานกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนจะกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งได้เมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ
“ทุ่งคาฮาร์เบอร์ มุ่งมั่นในการปรับปรุงผลการดำเนินงาน เพื่อให้เข้าเกณฑ์การขอกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้ดำเนินการตามแผนทุกอย่าง ตั้งแต่การยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ การใช้หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 500 ล้านบาท การเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุด ได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน” นายวิจิตร กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทฯ มีโครงการที่ชัดเจนในแผนแล้ว 2-3 โครงการ ซึ่งธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีรายได้ที่แน่นอนในระยะยาว จะเป็นการสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ในอนาคตอย่างมั่นคง ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ภายใน 5 ปี (ปี พ.ศ. 2560-2564) จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจอื่น ๆ คือ ธุรกิจเหมืองหิน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการต่ออายุประทานบัตรเหมืองหินแอนดิไซต์ จังหวัดสระบุรี เดิมหมดอายุเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ต่ออายุประทานบัตรออกไปอีก 15 ปี ทำให้หมดอายุในปี พ.ศ. 2567 พื้นที่ตามประทานบัตร 88-3-81 ไร่ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณสำรองหินเบื้องต้น 4.68 ล้านตัน อีกทั้งยังมีปริมาณหินที่เตรียมเข้าสู่สายการผลิตอีกกว่า 700,000 ตัน ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการเหมืองหินแอนดิไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากความต้องการใช้หินแอนดิไซต์สำหรับงานก่อสร้างมีการเติบโตมากขึ้น เป็นผลจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ด้านสาธารณูปโภค อันเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ