xs
xsm
sm
md
lg

“สากล เอนเนอยี” จ่อเข้าเทรดใน SET ระดมทุนต่อยอดธุรกิจอัดก๊าซธรรมชาติและพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สากล เอนเนอยี หรือ SKE” บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลายปีนี้ ระดมทุนขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอัดก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจพลังงาน

นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (Private Mother Station : PMS) รายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อขนส่งไปให้กับสถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ (สถานีลูก) รวมถึงดำเนินการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดก่อนที่จะนำไปใช้ในส่วนอื่นๆต่อไป โดยได้ทำสัญญาระยะยาว 20 ปี กับกลุ่ม ปตท. ซึ่งปัจจุบัน เรามีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ 2 สถานี คือ

1. สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี รองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในปริมณฑล มีกำลังการอัดก๊าซธรรมชาติ และกำลังสำรองประมาณ 250 ตันต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเพิ่มเติมกับ ปตท. เพื่อขยายกำลังอัดก๊าซธรรมชาติได้สูงสุด 350 ตันต่อวัน

2. สถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี รองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังการอัดก๊าซธรรมชาติสูงสุด เท่ากับ 400 ตันต่อวัน ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 2 สถานีอัดก๊าซ บริษัทฯ มีกำลังการอัดก๊าซสูงถึง 750 ตันต่อวัน หรือ 273,750 ตันต่อปี”

“บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อขยายกิจการโดยวางแผนที่จะปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานในอนาคต และมีนโยบายขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบสูบอัด และจ่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และลงทุนในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ตามแนวท่อแบบ Ex-pipeline รวมไปถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมธนาคารพาณิชย์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในบริษัทฯ”

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2559 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ 363 ล้านบาทในปี 2558 และรายได้ 297 ล้านบาทในปี 2557 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 128 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก กำไรสุทธิ 117 ล้านบาทในปี 2558 และ 110 ล้านบาทในปี 2557 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 30.80 ร้อยละ 32.10 และ ร้อยละ 37.07 ของรายได้รวมตามลำดับ สำหรับในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 163 ล้านบาท และ 202 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลง 19.30% จากรายได้ในส่วนการปรับปรุงคุณภาพลดลง ปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติ และอัตราค่าบริการอัดก๊าซธรรมชาติลดลง และสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 23.52% ลดลงจากกำไรสุทธิ 67 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปี 2559 เนื่องจากรายได้จากการให้บริการที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการบริหารธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 14.43% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูงถึง 10.76% ในขณะที่มีอัตราหนี้สินต่อทุน เท่ากับ 0.54 เท่า

ขณะที่นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE ซึ่งมีลำดับ 1 ใน 3 ของผู้ประกอบธุรกิจอัดก๊าซธรรมชาติโดยเอกชนของประเทศ มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดี และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง กอปรกับบริษัทฯมีความมุ่งมั่น และแน่วแน่ ในการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารหลักที่มีความรู้ความสามารถในธุรกิจเป็นอย่างดีในอุตสาหกรรมพลังงาน

“เรามีความเชื่อมั่นว่า พลังงานทดแทนยังคงมีความสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีบริการ NGV ตามแนวท่อส่งก๊าซ ซึ่งเป็นแผนพัฒนาธุรกิจด้านก๊าซธรรมชาติของกลุ่ม ปตท. เราเชื่อมั่นว่า การเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปของ SKE จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 465.00 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 346.40 ล้านบาท และมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวนไม่เกิน 237,200,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.51 ของจำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ (มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท) ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยปัจจุบัน กลุ่มผู้บริหารนำโดย ครอบครัวสุเมธโชติเมธา ถือหุ้นจำนวน 72.22% และครอบครัวนันทีถือหุ้น จำนวน 27.78% และจะลดลงเหลือรวม 74.49% ภายหลังการเพิ่มทุนด้วยการขายหุ้นไอพีโอ
กำลังโหลดความคิดเห็น