xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยยังมีอัปไซด์ หลายปัจจัยในประเทศหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ทิสโก้” มองหุ้นไทยยังมีอัปไซด์ จาก ศก. ดีขึ้นต่อเนื่อง เลือกตั้งชัดเจน และมีเม็ดเงิน LTF-RMF หนุนปลายปี

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 1,650 จุด แต่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีอัปไซด์ โดยมองปีหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงมีการเติบโตในระดับที่ดี ภาพการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ต่างชาติจะมีความมั่นใจต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเห็นเงินลงทุนต่างชาติทยอยไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น

อีกทั้งในช่วงปลายปีจะยังคงเห็นเงินลงทุนเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังคงมั่นใจในการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี

ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่ดีให้กับลูกค้า บลจ. ทิสโก้ได้เตรียมกองทุน LTF และ RMF คอยให้บริการลูกค้าตามความต้องการที่หลากหลาย โดยในส่วนของกองทุน LTF นำเสนอ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว (TISCOLTF) (ความเสี่ยงระดับ 6) และกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล (TDLTF) (ความเสี่ยงระดับ 6) ทั้ง 2 กองทุนเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี และมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีภายใต้นโยบายลงทุนแบบเชิงรุก โดยกองทุน TDLTF จะมีนโยบายจ่ายเงินปันผล เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ และต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

สำหรับการลงทุนในกองทุน RMF โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนอีกด้วย

“ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นไทย และยังมีโอกาสรออยู่อีกมากจากปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ เช่น ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มมีเสถียรภาพ และคาดว่าจะมีเงินลงทุนต่างชาติเข้าไปมากขึ้น เพราะถูกนับเข้าไปอยู่ในดัชนี MSCI เป็นต้น ซึ่ง บลจ. ทิสโก้มีกองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCHRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6) ลงทุนใน ETF หุ้นจีนที่อ้างอิงดัชนี HSCEI ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รวมไปถึงกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCIRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6) กระจายการลงทุนใน ETF ที่อิงดัชนีหุ้นจีน และอินเดีย” นายสาห์รัช กล่าว

ในส่วนหุ้นที่อยู่ในกระแสโลกหรือเรียกได้ว่าเป็นเมกะเทรนด์ของโลกอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์นั้น ทาง บลจ. ทิสโก้มีกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เฮลท์แคร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TGHRMF) (ความเสี่ยงระดับ 7) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวม และ/หรือ LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ทั่วโลก

ส่วนมุมมองเศรษฐกิจไทยนั้น ทิสโก้ มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะเติบโตได้ 3.6% ขณะที่ปี 2561 จะเติบโตได้ 3.8% จากการบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น ซึ่ง บลจ. ทิสโก้มีกองทุนทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (TEGRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6) ลงทุนในหุ้นไทยโดยกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ใช้นโยบายการลงทุนแบบเชิงรุกไว้ให้นักลงทุนเลือกลง
กำลังโหลดความคิดเห็น