ผู้จัดการรายวัน360 - “บัตรกรุงไทย” เผยปี 61 เดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ที่มีจุดเด่นในแต่ละกลุ่มธุรกิจ หวังเพิ่มทางเลือกให้แก่สมาชิก พร้อมขยายธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์มากขึ้น รับสังคมไทยยุคไร้เงินสด ผู้บริหารตั้งเป้าอนุรักษ์นิยมกำไรปีนี้เติบโต 10% เพิ่มน้ำหนักลูกค้ารายได้ระดับ 3 หมื่นบาทต่อเดือน เชื่อมีประสิทธิภาพ หนี้เสียต่ำ
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2561 ว่า บริษัทจะเดินหน้านโยบายขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละธุรกิจ (Collaborative Business Model) อย่างไม่มีขีดจำกัด ทั้งพันธมิตรด้านการตลาด กลุ่มสตาร์ทอัป ฟินเทค หรือร้านค้าที่มีจุดเด่น เพื่อนำเสนอบริการที่มีคุณค่า รวมถึงการรองรับธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ที่มากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีไว้รองรับมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เคทีซียังมีแผนปรับกลยุทธ์การตลาดในธุรกิจหลัก คือ บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และร้านค้า เพื่อสร้างโอกาสจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหม่ และรักษาฐานสมาชิกเดิมให้อยู่กับบริษัทอย่างยั่งยืน
สำหรับกลยุทธ์การบริหารด้านการเงินของเคทีซี ในปี 2561 นั้น นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ อธิบายว่า บริษัทจะบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในอัตราที่ต่ำ หลังจากประเมินอัตราดอกเบี้ย อาจจะมีปรับตัวสูงขึ้น ด้วยการหาแหล่งเงินที่มีต้นทุนต่ำ และเพิ่มสัดสวนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน และมีเสถียรภาพ โดยในปีนี้ เคทีซียังคงเป้าหมายอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 10% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีอัตราการขยายตัวมากกว่า 25% หรือมีกำไรสุทธิรวมกว่า 1,519.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,214.87 ล้านบาท
ด้านนางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต กล่าวว่า ทีมการตลาดของบริษัทฯ จะเดินหน้าความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสรรหาสิทธิพิเศษที่เป็นประโยชน์ทุกหมวดการใช้จ่ายที่จำเป็น และตอบสนองทุกเทรนด์ของไลฟ์สไตล์ที่จะเกิดขึ้น เช่น หมวดกีฬา, ท่องเที่ยว, ของเล่น, ของสะสม, สัตว์เลี้ยง และคอมมูนิตีต่าง ๆ ผ่านการขยายรูปแบบการใช้โปรแกรมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards รวมถึงพัฒนาช่องทางออนไลน์ให้สมาชิกทำธุรกรรมรายการต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองผ่าน “Click KTC” บนเว็บไซต์ www.ktc.co.th โฉมใหม่ หรือผ่านโมบายแอปพลิเคชัน “TapKTC” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนรุ่นใหม่
ส่วนการปรับกลยุทธ์การทำงานใหม่ทั้งกระบวนการเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น นายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้า กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจช่องทางจัดจำหน่ายจะมุ่งไปที่ 4 แนวทางหลัก คือ 1. เพิ่มประสิทธิภาพในการขยายฐานลูกค้าคุณภาพให้ตรงกลุ่มมากกว่าการเน้นปริมาณ เน้นกลุ่มคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทมากขึ้น เนื่องจากมีการใช้จ่ายต่อเดือนสูง และมีอัตราหนี้เสียที่ต่ำ
2. เน้นช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งเว็บไซต์ www.ktc.co.th โมบายแอปฯ “TapKTC” และ QR Code รวมถึงจะร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจที่เป็นสื่อกลางในการรับสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลผ่านออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น 3. ใช้ช่องทางสาขาของธนาคารกรุงไทย และตัวแทนขาย (Outsource Sales) ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเป็นช่องทางหลัก และ 4. ใช้โปรแกรมและแคมเปญการตลาดที่น่าสนใจและหลากหลายของเคทีซีกระตุ้นความสนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้มาสมัครเป็นลูกค้า
สำหรับในปี 2561 บริษัทมีเป้าหมายเติบโตของธุรกิจร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพิ่มทางเลือกใหม่ให้แก่ร้านค้าในการรับชำระค่าสินค้าและบริการที่หลากหลาย นำเสนอบริการ KTC Payment Solutions ที่เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของคู่ค้า และขยายตลาดเจาะร้านค้าขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยใช้ QR Code Payment ในการขับเคลื่อน ซึ่งมีความคล่องตัว และช่วยให้ร้านค้าบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด พร้อมทั้งนำเสนอ Alipay O2O (Online to Offline) Payment ให้กับร้านค้าในหลายธุรกิจ เพื่อเร่งขยายจุดรับชำระค่าสินค้าและบริการตามแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ทั้งดิวตีฟรี, ช็อป, ร้านอาหาร, จิวเวลรี และเครื่องสำอาง
ด้าน น.ส. สุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจสินเชื่อบุคคล กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดในปี 2561 ว่า ในปีหน้าคาดว่า ตลาดสินเชื่อบุคคลจะมีการแข่งขันสูง และมีความท้าทายผู้ประกอบการมากขึ้นกว่าเดิม จากกฎเกณฑ์ที่ ธปท. ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยบริษัทจะขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มเป้าหมายศักยภาพที่มีรายได้ 30,000 บาทมากขึ้น เพราะไม่มีการจำกัดวงเงิน และจำนวนสถาบันการเงิน
ขณะเดียวกัน จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับผู้มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของบริษัทฯ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา และมีงานประจำทำ โดยตั้งเป้าหมายยอดสมาชิกขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก นอกจากนี้ บริษัทจะพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว” ให้ตอบโจทย์สมาชิกมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในยุคดิจิทัล เช่น Cash Online การเบิกถอนเงินสดผ่านโทรศัพท์มือถือ และเว็บไซต์เคทีซี สำหรับผู้มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทย หรือการขอรหัสผ่านด้วยตนเองที่ Click KTC บนเว็บไซต์ หรือโมบายแอปฯ “TapKTC” หรือทำรายการอัตโนมัติทางโทรศัพท์ด้วยระบบ IVR โดยปัจจุบัน เคทีซีมีสมาชิกสินเชื่อบุคคล 850,383 บัญชี (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 60)