เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี อนุมัติแผนปรับโครงสร้างหนี้และทุนของ “เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ VDC” ดึง “เสี่ยยักษ์” พร้อมพันธมิตรใส่เงินเพิ่มทุนใน VDC ส่วนที่ AJA สละสิทธิ และลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจาก 60.08% เหลือ 17.67% เผยมีภาระหนี้ที่ผูกพันธ์กับ AJA จำนวน 707.35 ล้านบาท เชื่อไม่มีปัญหา โดยจะนำเงินมาชำระหนี้คืนลอตแรกวันที่ 2 ต.ค. และ 12 ต.ค. นี้ รวม 484 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ ชำระครบทั้งหมดในไตรมาสแรกปีหน้า “อมร มีมะโน” ยัน AJA ยังดำเนินการได้ตามปกติ ทุ่มสุดตัวเพื่อพลิกผลประกอบการให้ฟื้นขึ้นมาได้โดยเร็ว
ดร. อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 อนุมัติให้มีการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนของบริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (VDC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยปัจจุบันถือหุ้นสัดส่วน 60.08% รวมทั้งสละสิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน “เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น”
ทั้งนี้ VDC มีภาระหนี้ผูกพันกับ AJA รวม 707.35 ล้านบาท และได้มีการหาแนวทางชำระหนี้โดยการ 1. กู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นรายอื่น และ 2. จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนที่ได้รับมาชำระหนี้ที่มีต่อบริษัทฯ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา ที่จะถึงกำหนดชำระในไตรมาสที่ 4/60
โดย VDC เพิ่มทุนจากเดิมมีทุนจดทะเบียนและชำระเต็มจำนวนแล้ว 200 ล้านบาท เป็น 680 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 4.8 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ราคาจองซื้อหุ้นละ 115 บาท คิดเป็นเงินที่คาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มทุนใน VDC รวม 552 ล้านบาท ซึ่งทางผู้ถือหุ้นของ VDC ได้มีการประชุมพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างนี้แล้ว
พร้อมกันนี้ได้มีการลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างฯ ไปแล้วภายใต้ข้อตกลงว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ AJA ได้ขอสละสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และจะมีกลุ่มผู้จองซื้อ ได้แก่ นางสาววิจิตรา ปิ่นเรืองหิรัญ, นายวิชัย วชิรพงศ์ และนางสาวอติกานต์ จึงวิวัฒนวงศ์ ตกลงที่จะจองซื้อ และชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดในส่วนของกลุ่มผู้จองซื้อ และส่วนของ AJA ที่สละสิทธิ คิดเป็นจำนวนหุ้นที่จองซื้อทั้งหมดไม่น้อยกว่า 4.2 ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินค่าจองซื้อไม่น้อยกว่า 483.08 ล้านบาท
จากนั้น ภายในวันที่ 2 ตุลาคม 2560 VDC จะนำเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนไปชำระหนี้ จำนวน 347.70 ล้านบาท ให้แก่บริษัทฯ และภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2560 จะนำเงินค่าหุ้นชำระหนี้ จำนวน 136.30 ล้านบาท สำหรับภาระหนี้สินส่วนที่เหลือ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 141.04 ล้านบาท VDC ตกลงจะเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินกับบริษัทฯ ซึ่งจะกำหนดให้ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 จะชำระหนี้สิน และภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 จะชำระหนี้ Debit Notes รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46.43 ล้านบาท ทั้งนี้ การปรับโครงสร้าง และการเพิ่มทุนตามเงื่อนไขครั้งนี้ จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน VDC จะลดลงจากเดิม 60.08% ลดลงเหลือ 17.67%
“การปรับโครงสร้างหนี้ในเวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ VDC นั้น จะมีการเพิ่มทุนขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้น แต่ AJA ได้สละสิทธิเพิ่มทุนในส่วนนี้ โดยจะมีคุณวิชัย วชิรพงศ์ และผู้ถือหุ้นท่านอื่น ๆ มาใส่เงินแทน ซึ่งทำให้บริษัทย่อยสามารถชำระคืนหนี้ AJA ทั้งหมดได้ บริษัทฯ จะได้รับชำระก้อนใหญ่ ๆ 2 งวดแรกจะเข้ามาช่วงต้นเดือนตุลาคม และช่วงกลางเดือนเดียวกันนี้ รวม 484 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะทยอยใช้ตามสัญญา”
ขณะที่บริษัทฯ ได้มีการนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2/2560 เรียบร้อยแล้ว ปรากฏผลขาดทุนสุทธิ 100.81 ล้านบาท โดยหนึ่งในสาเหตุหลักมาจากจากตั้งหนี้สงสัยจะสูญเท่ากับ 123.13 ล้านบาท ที่มาจากบริษัทย่อยคือ “เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น” พร้อมกันนี้ ตลท. ได้ปลดเครื่องหมายหยุดการซื้อขายหรือ SP หลักทรัพย์ AJA มีผลให้ในวันที่ 29 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายหุ้นได้ตามปกติ
“ธุรกิจของ AJA ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ และเราจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อจะสร้างผลประกอบการให้พลิกฟื้นขึ้นมาได้โดยเร็ว หลังจากปรับโครงสร้างหนี้ และโครงสร้างทุนของ VDC เรียบร้อยแล้ว จะทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม โดยเฉพาะสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้มีความพร้อมในการรุกขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJA กล่าว