ผู้ถือหุ้น ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง อนุมัติก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 4 แห่ง “ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1,2,5-ปัตตานี กรีน” กำลังการผลิตเสนอขายรวมประมาณ 46 MW ด้านผู้บริหาร “กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี” เป็นปลื้ม! ขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจให้เดินหน้าขยายการลงทุน ส่วนปี 63 ย้ำวางเป้าหมายเดิมที่กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลขึ้นแท่นแตะ 200 MW
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 มีมติอนุมัติให้บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด (ทีพีซีเอช 1), บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด (ทีพีซีเอช 2), บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด (ทีพีซีเอช 5) และบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด (ปัตตานี กรีน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็ก (SPP) โดยว่าจ้าง บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เป็นผู้ก่อสร้างทั้ง 4 โครงการ มูลค่าก่อสร้างรวม 3,172.77 ล้านบาท
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า ทีพีซีเอช 1,2 และ 5 บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 65% โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในรูปแบบ Feed-in-Tariff พ.ศ. 2559 โดยมีอายุสัญญา 20 ปี นับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ และได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (FiT Premium) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 8 ปีนับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ โดยมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญา (SCOD) ในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ส่วนโครงการปัตตานี กรีน บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 65% จะจำหน่ายไฟฟ้า ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในรูปแบบสัญญา Non-Firm โดยมีอายุสัญญา 5 ปี และต่อเนื่อง และจะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตรา 1.30 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ โดยมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญาในวันที่ 1 มีนาคม 2562
“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจอนุมัติให้บริษัทย่อยลงทุนก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 4 แห่ง และให้ TPOLY บริษัทแม่เข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยโครงการทีพีซีเอช 1 และทีพีซีเอช 2 มีขนาดกำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 9.2 เมกะวัตต์ ทีพีซีเอช 5 มีขนาดกำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 6.30 เมกะวัตต์ และโครงการปัตตานี กรีน มีขนาดกำลังการผลิตเสนอขายไม่เกิน 21 เมกะวัตต์ ซึ่งในอนาคตหลังจากที่โครงการดังกล่าวสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้เรียบร้อยแล้วจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการ และทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีอีกด้วย” นางกนกทิพย์ กล่าว