บิทคอยน์ คือ หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดและครองส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดอยู่ราว 45% อ้างอิงจากข้อมูลของ Coinmarketcap
สืบเนื่องจากในช่วงต้นเดือน ก.ย.60 ราคาทองคำ และบิทคอยน์มีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือ ในวันที่ 29 ส.ค.60 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,325 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน บิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปิดระดับที่ 4,901.42 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 2 ก.ย.60
การปรับตัวขึ้นของบิทคอยน์ในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการเมือง ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดคำถามว่า บิทคอยน์ คือ สินทรัพย์ปลอดภัยชนิดใหม่ที่จะมาเทียบเคียงกับทองคำหรือไม่?
Forbes ได้นำเสนอ 12 เหตุผลที่จะบอกว่าทองคำนั้นดีกว่าบิทคอยน์อย่างไรบ้าง ดังนี้

1.ทองคำมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 5,000 ปี และเป็นแหล่งเก็บความมั่งคั่งในระยะยาว ขณะที่บิทคอยน์เพิ่มเกิดมาไม่ถึง 100 ปี
2.ตลาดทองคำมีสภาพคล่องสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงวิกฤตการเงินที่สภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์สำคัญทั่วโลกหดหาย แต่ยังสามารถซื้อและขายทองคำได้อย่างง่ายดาย ขณะที่บิทคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2008 ซึ่งอยู่ในช่วงวิกฤติดังกล่าว ดังนั้น จึงขาดข้อมูลที่บ่งชี้ว่าบิทคอยน์จะผ่านการทดสอบหรือไม่จนกว่าจะเกิดวิกฤติครั้งต่อไป
3.ทองคำสามารถปกป้องคุณจากรังสีนิวเคลียร์ เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ตะกั่ว (Lead) สามารถปกป้องมนุษย์ได้จากรังสีแกมมา ทองคำก็เช่นกัน และดีกว่าตะกั่วด้วยซ้ำหากมีในปริมาณที่มากพอ ขณะที่บิทคอยน์ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว
4.ทองคำปลอดภัยกว่า การลักขโมยทองคำปริมาณมากๆ โดยไม่ผิดสังเกตถือเป็นเรื่องยาก
5.คุณสามารถสวมใส่เครื่องประดับทองได้ ขณะที่บิทคอยน์ไม่ได้
6.ทองเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเดินทางในอวกาศ ขณะที่บิทคอยน์ไม่ใช่ตัวนำไฟฟ้า
7.ทองคำไม่เคยตกกระแส!! แต่มันยากที่จะบอกว่า บิทคอยน์ จะสามารถครองส่วนแบ่บการตลาดได้อย่างยั่งยืนเพราะอายุการใช้จ่ายด้วยบิทคอยน์ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายด้วยทองคำ ขณะเดียวกัน สกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันมีประมาณ 700 สกุล แต่เป็นที่นิยมเพียง 6 สกุลเท่านั้น
8.ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ทองคำ แต่บิทคอยน์ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อให้คุณโอน หรือใช้จ่าย

9.ทองคำไม่เสื่อมสลาย แม้แต่จะจมลงใต้พื้นมหาสมุทรเป็นร้อยปีก็ตาม ขณะที่บิทคอยน์ไม่ใช่
10.ทองคำมีคุณสมบัติทางยา ขณะที่คุณไม่แม้แต่จะกินบิทคอยน์ได้
11.บิทคอยน์อยู่ในสถานะของฟองสบู่การเก็งกำไร มูลค่าเงินจะสูญสลายไปเมื่อฟองสบู่แตก ขณะที่ทองคำไม่ได้อยู่ในสภาวะฟองสบู่
12.บิทคอยน์ยังคงอยู่ในช่วงของการ “ทดลองใช้” ซึ่งแตกต่างจากทองคำ
นอกจาก Forbes แล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการลงทุนอีกหลายคนที่ออกมาเตือนเหล่านักลงทุนว่า บิทคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น Jeff Christian กรรมการผู้จัดการของกลุ่ม CPM ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะมีค่า ออกมาเตือนนักลงทุนว่า บิทคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย และไม่ใช่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ และมองว่าสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเก็งกำไร และไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่อสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำ
แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า การเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ได้ลดทอนศักยภาพในการซื้อของนักลงทุนไปจากทองคำ ซึ่ง Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ Allianz SE และเป็นอดีตผู้จัดการกองทุน PIMCO กล่าวยอมรับว่า การตอบรับของราคาทองคำในปัจจุบันต่อปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งความสนใจในสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ที่เพิ่มสูงขึ้นลดทอนศักยภาพในการซื้อของนักลงทุนไปจากทองคำ
ถึงแม้ในวันนี้ในสายตาของหลายคนบิทคอยน์จะยังไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บิทคอยน์จะไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ เพราะต้องยอมรับว่าเราทุกคนอยู่ในโลกที่หมุนไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดพัฒนา นักลงทุนจึงต้องเปิดใจเรียนรู้ และยอมรับกับสิ่งใหม่ๆ ควบคู่กับการใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการลงทุนทุกครั้ง
สืบเนื่องจากในช่วงต้นเดือน ก.ย.60 ราคาทองคำ และบิทคอยน์มีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือ ในวันที่ 29 ส.ค.60 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,325 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน บิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปิดระดับที่ 4,901.42 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 2 ก.ย.60
การปรับตัวขึ้นของบิทคอยน์ในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการเมือง ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดคำถามว่า บิทคอยน์ คือ สินทรัพย์ปลอดภัยชนิดใหม่ที่จะมาเทียบเคียงกับทองคำหรือไม่?
Forbes ได้นำเสนอ 12 เหตุผลที่จะบอกว่าทองคำนั้นดีกว่าบิทคอยน์อย่างไรบ้าง ดังนี้
1.ทองคำมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 5,000 ปี และเป็นแหล่งเก็บความมั่งคั่งในระยะยาว ขณะที่บิทคอยน์เพิ่มเกิดมาไม่ถึง 100 ปี
2.ตลาดทองคำมีสภาพคล่องสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงวิกฤตการเงินที่สภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์สำคัญทั่วโลกหดหาย แต่ยังสามารถซื้อและขายทองคำได้อย่างง่ายดาย ขณะที่บิทคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2008 ซึ่งอยู่ในช่วงวิกฤติดังกล่าว ดังนั้น จึงขาดข้อมูลที่บ่งชี้ว่าบิทคอยน์จะผ่านการทดสอบหรือไม่จนกว่าจะเกิดวิกฤติครั้งต่อไป
3.ทองคำสามารถปกป้องคุณจากรังสีนิวเคลียร์ เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ตะกั่ว (Lead) สามารถปกป้องมนุษย์ได้จากรังสีแกมมา ทองคำก็เช่นกัน และดีกว่าตะกั่วด้วยซ้ำหากมีในปริมาณที่มากพอ ขณะที่บิทคอยน์ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว
4.ทองคำปลอดภัยกว่า การลักขโมยทองคำปริมาณมากๆ โดยไม่ผิดสังเกตถือเป็นเรื่องยาก
5.คุณสามารถสวมใส่เครื่องประดับทองได้ ขณะที่บิทคอยน์ไม่ได้
6.ทองเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเดินทางในอวกาศ ขณะที่บิทคอยน์ไม่ใช่ตัวนำไฟฟ้า
7.ทองคำไม่เคยตกกระแส!! แต่มันยากที่จะบอกว่า บิทคอยน์ จะสามารถครองส่วนแบ่บการตลาดได้อย่างยั่งยืนเพราะอายุการใช้จ่ายด้วยบิทคอยน์ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายด้วยทองคำ ขณะเดียวกัน สกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันมีประมาณ 700 สกุล แต่เป็นที่นิยมเพียง 6 สกุลเท่านั้น
8.ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ทองคำ แต่บิทคอยน์ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อให้คุณโอน หรือใช้จ่าย
9.ทองคำไม่เสื่อมสลาย แม้แต่จะจมลงใต้พื้นมหาสมุทรเป็นร้อยปีก็ตาม ขณะที่บิทคอยน์ไม่ใช่
10.ทองคำมีคุณสมบัติทางยา ขณะที่คุณไม่แม้แต่จะกินบิทคอยน์ได้
11.บิทคอยน์อยู่ในสถานะของฟองสบู่การเก็งกำไร มูลค่าเงินจะสูญสลายไปเมื่อฟองสบู่แตก ขณะที่ทองคำไม่ได้อยู่ในสภาวะฟองสบู่
12.บิทคอยน์ยังคงอยู่ในช่วงของการ “ทดลองใช้” ซึ่งแตกต่างจากทองคำ
นอกจาก Forbes แล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการลงทุนอีกหลายคนที่ออกมาเตือนเหล่านักลงทุนว่า บิทคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น Jeff Christian กรรมการผู้จัดการของกลุ่ม CPM ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะมีค่า ออกมาเตือนนักลงทุนว่า บิทคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย และไม่ใช่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ และมองว่าสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเก็งกำไร และไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่อสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำ
แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า การเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ได้ลดทอนศักยภาพในการซื้อของนักลงทุนไปจากทองคำ ซึ่ง Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ Allianz SE และเป็นอดีตผู้จัดการกองทุน PIMCO กล่าวยอมรับว่า การตอบรับของราคาทองคำในปัจจุบันต่อปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งความสนใจในสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ที่เพิ่มสูงขึ้นลดทอนศักยภาพในการซื้อของนักลงทุนไปจากทองคำ
ถึงแม้ในวันนี้ในสายตาของหลายคนบิทคอยน์จะยังไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บิทคอยน์จะไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ เพราะต้องยอมรับว่าเราทุกคนอยู่ในโลกที่หมุนไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดพัฒนา นักลงทุนจึงต้องเปิดใจเรียนรู้ และยอมรับกับสิ่งใหม่ๆ ควบคู่กับการใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการลงทุนทุกครั้ง