หุ้นไอพีโอ “ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์” ปิดจองไอพีโอ 200 ล้านหุ้น กระแสตอบรับล้นหลาม หลังเสนอขายวันที่ 15 และ 18-20 ก.ย. ที่ผ่านมา “ทวีชัย ตั้งธนทรัพย์” หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล. ทิสโก้ ในฐานะ FA มือฉมัง และแกนนำการเสนอขาย ชี้ชัด SKN ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง พร้อมเติบโตรับอุตสาหกรรมที่อยู่ในความต้องการของโลก การกำหนดราคาไอพีโอ 7.35 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสม ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
สถาบันและนักลงทุนทั่วไปจองหมดทั้งจำนวน ด้าน “วิชัย แสงวงศ์กิจ” กรรมการผู้จัดการ เผยนำเงินที่ได้จากการระดมทุน 1,470 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาว และขยายอาณาจักรแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ เพื่อรองรับความต้องการที่เข้ามามากอย่างต่อเนื่อง มั่นใจเข้าซื้อขายวันแรก 26 กันยายนนี้ ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายที่ 7.35 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 15 และ 18-20 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า หุ้นของ SKN ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอเป็นจำนวนมากตั้งแต่วันแรก เชื่อว่าเป็นผลจากนักลงทุนเข้าใจในธุรกิจ และมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลก ประกอบกับศักยภาพในการผลิตและการแข่งขันของบริษัทฯ หลังจากเข้ามาระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ SKN เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่เข้ามาเป็นจำนวนมากได้ ขณะที่การกำหนดราคาที่ 7.35 บาท เป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) กับนักลงทุนสถาบันที่มีความต้องการซื้อหุ้นเกินกว่า 15 เท่าของจำนวนหุ้นที่จะจัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบัน เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้บริษัทฯ จึงมั่นใจว่า SKN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างประทับใจ
“ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอของ SKN ในครั้งนี้มีนักลงทุนให้ความสนใจ และสร้างความคึกคักตั้งแต่เปิดจองวันแรก สะท้อนความเชื่อมั่นที่ได้รับจากนักลงทุนสถาบัน และรายย่อย ในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และโอกาสการเติบโตสูง หลังกำลังการผลิตใหม่แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ของผู้บริหารที่มากกว่า 30 ปี ในแวดวงธุรกิจไม้แปรรูป ทำให้เป็นอีกจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่น พิสูจน์ฝีมือให้เห็นจากการสร้างธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มต้น มองเห็นเทรนด์อุตสาหกรรมแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติได้อย่างถูกต้อง และผลักดันการเติบโตของ SKN นับตั้งแต่เริ่มส่งออกเชิงพาณิชย์จนถึงปัจจุบัน ใช้เวลาประมาณ 5 ปี ก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาล้น ใช้กำลังการผลิตในระดับที่เกือบเต็มมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่านี่แค่จุดเริ่มต้นของ SKN หลังจากเข้า SET 26 กันยายนนี้ ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/วัสดุก่อสร้าง มั่นใจบริษัทฯ จะสามารถสร้างสีสันให้ตลาดหุ้นไทยได้อย่างแน่นอน” นายทวีชัย กล่าว
นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า รู้สึกประทับใจที่หุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป หมดทั้งจำนวน เชื่อเป็นเพราะการกำหนดราคาไอพีโอที่ 7.35 บาทต่อหุ้นเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และสิ่งที่บริษัทฯ กำลังจะรุกต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนจากทิศทางการเติบโตของแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลก ที่เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 11% ทำให้ทีมผู้บริหารซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวกับไม้แปรรูปมานาน มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจเอ็มดีเอฟ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าดีที่สุด ขณะที่การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นทั้งจากพนักงาน ผู้บริหาร ตลอดจนลูกค้า และพันธมิตร เงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 1,470 ล้านบาท จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 650-750 ล้านบาท สนับสนุนให้ D/E บริษัทฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากงวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา D/E อยู่ที่ 1.57 เท่า รวมทั้งนำไปใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิต 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สนับสนุนให้ในช่วงไตรมาส 3/2561 กำลังการผลิตบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปัจจุบัน หรือเพิ่มเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น และสามารถขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโต และสามารถต่อยอดธุรกิจในโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย
“ในฐานะผู้บริหารบริษัทฯ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้จะทำให้ SKN เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ มั่นใจทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และจะเป็นอีกบริษัทฯ ในใจนักลงทุนในระยะยาว” นายวิชัย กล่าว