“ปลัดคลัง” เผย สตง. เตือน “การบินไทย” ต้องรับผิดชอบ หากฐานะการเงินของนกแอร์ยังคงย่ำแย่หลังการบินไทยเข้าเพิ่มทุนใหม่
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการเพิ่มทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เตือนบริษัทการบินไทย แล้วว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบ หากการบินไทยได้เข้าไปเพิ่มทุนให้แก่นกแอร์ จำกัด (มหาชน) แต่ฐานะการเงินของนกแอร์ก็ยังคงย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในการบินไทย และการบินไทยก็เป็นผู้ถือหุ้นนกแอร์ ในสัดส่วน 21.5% กำลังพิจารณาว่าสมควรเพิ่มทุนในนกแอร์หรือไม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้า นกแอร์ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เพิ่มทุน 781.25 ล้านหุ้น โดยหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 625 ล้านหุ้นนั้น กำหนดให้เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น ส่วนอีก 156.25 ล้านหุ้น จะเป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกควบคู่
ปลัดกระทรวงการคลัง นายสมชัย ในฐานะกรรมการบอร์ดการบินไทย กล่าวว่า หากการพิจารณาแผนการเพิ่มทุนในบริษัทนกแอร์ในวันนี้ (20 ก.ย.) และมีมติให้เพิ่มทุนแล้ว ภายในเดือนหน้า จะต้องพิจารณาว่า ใครจะลงเงินเพิ่มทุนรายละเท่าไหร่ ส่วนการพิจารณาแผนเพิ่มทุนที่เสนอมานั้น จะต้องพิจารณาว่าจะสามารถทำให้เลือดสามารถหยุดไหลได้หรือไม่ ขณะที่กรณีนายพาที ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ (ดีดี) เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 60 นั้น ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การมีธรรมาภิบาลขององค์กร ซึ่งนกแอร์ต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลง
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการเพิ่มทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เตือนบริษัทการบินไทย แล้วว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบ หากการบินไทยได้เข้าไปเพิ่มทุนให้แก่นกแอร์ จำกัด (มหาชน) แต่ฐานะการเงินของนกแอร์ก็ยังคงย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในการบินไทย และการบินไทยก็เป็นผู้ถือหุ้นนกแอร์ ในสัดส่วน 21.5% กำลังพิจารณาว่าสมควรเพิ่มทุนในนกแอร์หรือไม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้า นกแอร์ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เพิ่มทุน 781.25 ล้านหุ้น โดยหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 625 ล้านหุ้นนั้น กำหนดให้เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น ส่วนอีก 156.25 ล้านหุ้น จะเป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกควบคู่
ปลัดกระทรวงการคลัง นายสมชัย ในฐานะกรรมการบอร์ดการบินไทย กล่าวว่า หากการพิจารณาแผนการเพิ่มทุนในบริษัทนกแอร์ในวันนี้ (20 ก.ย.) และมีมติให้เพิ่มทุนแล้ว ภายในเดือนหน้า จะต้องพิจารณาว่า ใครจะลงเงินเพิ่มทุนรายละเท่าไหร่ ส่วนการพิจารณาแผนเพิ่มทุนที่เสนอมานั้น จะต้องพิจารณาว่าจะสามารถทำให้เลือดสามารถหยุดไหลได้หรือไม่ ขณะที่กรณีนายพาที ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ (ดีดี) เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 60 นั้น ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การมีธรรมาภิบาลขององค์กร ซึ่งนกแอร์ต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลง