ซีพีแอล กรุ๊ป แตกไลน์ผลิตกระเป๋าแบรนด์ดังของโลก ประเดิมออเดอร์ใหม่ 1 ล้านฟุต หวังดันธุรกิจเติบโตตามเทรนด์แฟชั่นที่สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมรองเท้าแบรนด์ใหม่ คาดได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้เตรียมเดินหน้ารับคำสั่งผลิตกลางปี 61 ยอมรับปี 60 แบกค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนเพียบ มั่นใจคุ้มเมื่อออเดอร์เข้า ย้ำยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย เผยบาทแข็งไม่กระทบ
นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ CPL ได้เดินหน้าพัฒนาด้านการผลิตให้มีความหลากหลาย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แตกไลน์รับผลิตหนังหมูฟอกสำเร็จรูป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลงทุนด้านโรงงาน และเครื่องจักร
ล่าสุด บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะผลิตหนังสำหรับกระเป๋า ซึ่งจะเป็นการผลิตให้กับสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก โดยขณะนี้ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ด้วยออเดอร์เริ่มต้นที่ 1 ล้านฟุต สำหรับฤดูกาลนี้
“ก่อนหน้านี้ CPL เคยได้รับการติดต่อจากผู้ผลิตกระเป๋าแบรนด์เนม ที่เชื่อมั่นในคุณภาพการฟอกหนังของ CPL แต่เรายังไม่พร้อม โดยเฉพาะในด้านของเทคนิค อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่า เทรนด์หลักโดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นทั้งรองเท้า และกระเป๋า ว่ามีแนวโน้มเติบโตตามเศรษฐกิจของโลกอยู่แล้ว ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา เราจึงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพ มีการนำเครื่องจักร และเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้ และทดลองการฟอกหนังสำหรับผลิตกระเป๋าจนมีคุณภาพที่น่าพอใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราจึงตัดสินใจขยายไลน์จากการฟอกหนังสำหรับผลิตรองเท้าไปสู่การฟอกหนังสำหรับผลิตกระเป๋า ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าวพร้อมกันนี้ CPL ยังได้เดินหน้าขยายช่องทางการตลาดไปยังผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ใหม่ นอกเหนือจากคู่ค้าเดิมที่ยังคงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ทั้งนี้ เพื่อขยายโอกาสในการขายและผลิตสินค้าที่หลากหลายขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มรับออเดอร์ได้ไม่เกินกลางปีหน้า
นายภูวสิษฏ์ กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่า ปี 2560 เป็นปีที่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการลงทุนสูง เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ระหว่างการสร้างโรงงานใหม่ เพื่อผลิตหนังหมูฟอกสำเร็จรูป รวมถึงมีการลงทุนด้านเครื่องจักร เทคโนโลยี รวมถึงงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจฟอกหนัง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่า จะสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ได้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจาก CPL มีทั้งฝั่งนำเข้าวัตถุดิบ และฝั่งส่งออก แต่ก็ยอมรับว่าได้จับตาสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากว่า บาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก อาจจะถึงจุดที่บริษัทฯ ตัดสินใจทยอยสต๊อกวัตถุดิบเพิ่ม เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำลง