xs
xsm
sm
md
lg

เอเซีย พลัส เพิ่มเป้า SET ระยะ 12 เดือน เป็น 1,766 จุด รับพื้นฐาน ศก. แกร่ง-เงินไหลเข้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเซีย พลัส เพิ่มเป้า SET ระยะ 12 เดือน เป็น 1,766 จุด รับพื้นฐาน ศก. แกร่ง-เงินไหลเข้า ด้านฟินันเซียฯ เล็งปรับใหม่หลังมองโอกาสทำนิวไฮ

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยระยะ 12 เดือนข้างหน้า เป็น 1,766 จุด อิงกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2561 ที่ 110.4 บาท และ P/E 16 เท่า เพราะตลาดหุ้นไทย Laggard มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เพราะเครื่องจักรทำงานครบสูตร ทั้งการส่งออก การลงทุนรัฐ และเอกชน ล้วนหนุนการบริโภคภาครัวเรือนที่ฟื้นตัวตาม

ขณะที่ Fund Flow ยังไหลเข้าตลาดหุ้นที่ Underperform สะท้อนจาก SET Index ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 23 ปี ให้ผลตอบแทนเดือน ก.ย. กว่า 2.66% สูงสุดในภูมิภาค ทำให้มองว่า SET Index น่าจะแตะระดับ 1,700 จุดได้ในไม่ช้า

พร้อมกับปรับน้ำหนักการลงทุนจากเดิม 50% ของเงินลงทุนเป็น 60% มองหุ้น Top picks คือ THCOM, INTUCH, SCB, IRPC, PTTGC, PTT, HANA, GFPT, BEAUTY, WHA

“ถ้าจำกันได้ เมื่อไม่นานนี้เองที่ฝ่ายวิจัยฯ ของเรา แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยจาก 40% เป็น 50% ของพอร์ต แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อมเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก วันนี้เราจึงให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนอีกครั้ง เป็น 60% ของพอร์ต” นางภรณี กล่าว

นางภรณี กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ให้สลับขายหุ้นที่ราคาขึ้นมาจนเกินพื้นฐาน เช่น AMATA, DTAC, BH, TOP, RS และหุ้นที่ราคาเข้าใกล้พื้นฐาน จนมี Upside จำกัด เช่น SIRI, AOT และหุ้นโรงกลั่นที่ขึ้นมาแรง เช่น TOP, BCP, ESSO เป็นต้น โดยให้ switch ไปเข้าหุ้นที่ราคายัง Laggard แทน เช่น THCOM, INTUCH, หุ้นที่พักฐานมานานอย่าง TNP, หุ้น UNIQ, GUNKUL, VGI, AP ที่ราคายังมี Upside สูง ราว 33.7%, 28.1%, 21.4%, 22.3% ตามลำดับ

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวมาที่ 53.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขึ้นมา 26% จากจุดต่ำสุดที่ 43.59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อกลางปี 60 แม้ราคาน้ำมันจะยังต่ำกว่าสมมติฐานที่ให้ไว้ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงที่เหลือ และปีหน้า สมมติฐานราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จึงยังแนะนำซื้อหุ้น PTT และ PTTEP

ส่วนหุ้นโรงกลั่น ได้รับ Sentiment เชิงลบจากค่าการกลั่นที่ลดลงตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. และคาดว่าจะลงสู่ระดับปกติที่ 5-7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แม้ว่า PTTGC และ IRPC จะมีสัดส่วนโรงกลั่น 25% และ 30% ตามลำดับ แต่ก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย แนะให้รอราคาย่อตัวจน Upside เปิดกว้างกว่านี้ ส่วน IVL เป็นหุ้นปิโตรเคมี 100% จึงไม่ได้รับผลกระทบ

ด้านนายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บล. ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า บล. ฟินันเซีย ไซรัส อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ซึ่งมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่จากเดิมที่มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด เพราะปัจจุบันมีกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง มูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท และรัฐบาลไทยได้เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีหลายโครงการออกมาประมูลในช่วงปลายปีนี้จำนวนมาก

ส่วนปัจจัยลบที่ประเมินได้ขณะนี้เป็นเรื่องของสถานการณ์ในเกาหลีเหนือที่มีการยิงขีปนาวุธ แต่มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย และนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้มีผลทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับ ส่วนเรื่องการลดงบดุลและการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลาดรับรู้ข่าวไปมากแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น