ICN เผยนักลงทุนสนใจจอง IPO เพียบมั่นใจพื้นฐาน-P/E 18.37 เท่า พร้อมเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 15 ก.ย. นี้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส (ICN) กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 1.84 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 ก.ย. 60 ปรากฏว่า หุ้นของ ICN ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีความโดดเด่น มีอนาคตสดใส
นอกจากนั้น การกำหนดราคาที่ 1.84 บาท หากคำนวณ P/E Ratio โดยใช้กำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 กรกฎาคม 59-30 มิถุนายน 60) จะเท่ากับ 18.37 เท่า จึงมั่นใจว่า ICN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างประทับใจ
“คาดว่าเป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตสูง จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหาร ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจโทรคมนาคมมากว่า 25 ปี และมีทีมงานที่แข็งแกร่ง การเติบโตของบริษัทที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง และก้าวกระโดด ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา” นายสมภพ กล่าว
ด้าน นายมนชัย มณีไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ICN กล่าวว่า บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการรับเหมาวางระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ครบวงจร ครอบคุลมทั้งการให้บริการบำรุงรักษา และการจำหน่ายอุปกรณ์ทดแทน แม้ ICN จะเป็นบริษัทเล็ก เมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่เป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และโดดเด่น
“การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้จะทำให้ ICN เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามแผนที่วางไว้ และมั่นใจทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่า เมื่อ ICN เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 15 ก.ย. นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายมนชัย กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 220.80 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และรุกตลาดธุรกิจรับเหมาวางระบบอย่างครบวงจร ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างโอกาสในการรับงานที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งต่อสถาบันการเงิน คู่ค้าธุรกิจ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมทั้งลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และโดดเด่นต่อไป