หลังจากสัปดาห์ที่แล้วทาง YLG ได้ทำการรวบรวมปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนก.ย. สัปดาห์นี้เราจะมากล่าวถึงในส่วนของแนวโน้มราคาทองคำจากมุมมองทางเทคนิค โดยหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุ High เดิมของปีนี้และปรับตัวขึ้นมายืน 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐรวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในเกาหลีเหนือ ส่งผลให้มุมมองทางเทคนิคเห็นแนวโน้มในทิศทางขาขึ้นชัดเจนขึ้น

ทำให้ YLG ประเมินกรอบแนวต้านแรกบริเวณ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นแนวต้านถัดไป หรือ 21,150 บาทต่อบาททองคำและ 21,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับแรกจับตาโซน 1,300-1,295 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และบริเวณ 1,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นแนวรับระดับถัดไป หรือ 20,350 บาทต่อบาททองคำและ 19,800 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวเป็นหลัก สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมืออาจรอดูบริเวณ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 20,350 บาทต่อบาททองคำ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเพื่อกำไรระยะสั้น โดยกำหนดจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 1,295 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 20,250 บาทต่อบาททองคำ และแนะนำถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ 1,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ในทางกลับกันเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 21,150 บาทต่อบาททองคำ แนะนำชะลอการขายออกไปหากราคาสามารถผ่านโซนดังกล่าวเพื่อรอขายบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 21,550 บาทต่อบาททองคำซึ่งเป็น High เดิมของปี 2016 แต่หากยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม YLG อยากให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ต่างๆในแง่ของปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ควบคู่ไปกับปัจจัยทางเทคนิค เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินรวมถึงทองคำ และจากความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนยิ่งต้องใช้ความระมัดระวัง และควรมีการวางแผนการลงทุนในแง่ของทั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน
ทำให้ YLG ประเมินกรอบแนวต้านแรกบริเวณ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นแนวต้านถัดไป หรือ 21,150 บาทต่อบาททองคำและ 21,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับแรกจับตาโซน 1,300-1,295 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และบริเวณ 1,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นแนวรับระดับถัดไป หรือ 20,350 บาทต่อบาททองคำและ 19,800 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวเป็นหลัก สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมืออาจรอดูบริเวณ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 20,350 บาทต่อบาททองคำ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเพื่อกำไรระยะสั้น โดยกำหนดจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 1,295 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 20,250 บาทต่อบาททองคำ และแนะนำถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ 1,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ในทางกลับกันเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 21,150 บาทต่อบาททองคำ แนะนำชะลอการขายออกไปหากราคาสามารถผ่านโซนดังกล่าวเพื่อรอขายบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 21,550 บาทต่อบาททองคำซึ่งเป็น High เดิมของปี 2016 แต่หากยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม YLG อยากให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ต่างๆในแง่ของปัจจัยพื้นฐานอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ควบคู่ไปกับปัจจัยทางเทคนิค เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินรวมถึงทองคำ และจากความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนยิ่งต้องใช้ความระมัดระวัง และควรมีการวางแผนการลงทุนในแง่ของทั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน