“กรุงศรี ออโต้” ติดอาวุธดิจิทัล Small SMEs สานต่อความสำเร็จจากโครงการกรุงศรี ออโต้ สมาร์ท ไฟแนนซ์ เดินหน้าเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ยุคดิจิทัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มุ่งเสริมทักษะและความรู้ให้กับกลุ่ม SMEs ขนาดเล็ก ให้มีความสามารถในการปรับตัว พร้อมผลักดันเศรษฐกิจสู่ไทยแลนด์ 4.0 คาดยอดใช้จ่ายผ่านออนไลน์ปี 60 มีมูลค่ารวมถึง 376,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน
จากการสำรวจของเพย์พาล (PayPal) และอิปซอสส์ (Ipsos) พบว่า ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น โดยคาดว่า ยอดใช้จ่ายออนไลน์ของผู้บริโภคไทยทั้งหมดในปี 2560 มีมูลค่ารวมถึง 376,800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากได้รับความสะดวกสบาย มีการส่งสินค้าที่รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยแนวโน้มการซื้อขายสินค้าที่เปลี่ยนไป ธุรกิจจึงมีความจำเป็นต้องปรับวิธีการดำเนินกิจการเพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของ SMEs ในไตรมาสแรกของปี 2560 ถือเป็น 42.5% ของ GDP ของประเทศ และมีอัตราการเติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับ GDP ประเทศที่เติบโต 3.3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายย่อยเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการขาดศักยภาพในการรับมือกับสภาพทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ก็อาจเผชิญความเสี่ยงในการยกเลิกกิจการได้
นายไพโรจน์ กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายหลักของโครงการ “กรุงศรี ออโต้ สมาร์ท ไฟแนนซ์” “ติดอาวุธดิจิทัล Small SMEs ปีที่ 2” คือ การให้ความรู้และจุดประกายความคิดในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการพัฒนาธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการวางแผน การตลาด การรับจ่ายเงิน ไปจนถึงการให้บริการที่รวดเร็ว พร้อมทั้งเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างเครือข่าย SMEs ขนาดเล็กที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่การค้าขายสินค้าและบริการส่วนใหญ่ได้ย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์”
“ในปีนี้กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ คือ ผู้ประกอบการรายย่อยในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมเกษตร อาหารและการท่องเที่ยว ซึ่งนับเป็นแหล่งสร้างรายได้อันดับ 3 ของจังหวัด นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เป็นแหล่งลงทุนอุตสาหกรรมหลักของประเทศ มีทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ดังนั้น ความรู้ในการทำธุรกิจและเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่ครบครันจะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ SMEs สามารถเดินหน้าสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของไทยต่อไป” นายไพโรจน์ กล่าว
จากการดำเนินโครงการ “กรุงศรี ออโต้ สมาร์ท ไฟแนนซ์” มาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ใน 11 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการฯ ได้สร้างเครือข่ายผู้ร่วมสัมมนาถึงกว่า 3,000 คน ที่มีความรู้ด้านการวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งบุคคลทั่วไป และผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs)