พลังงานบริสุทธิ์ คาดรายได้ครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเต็มจำนวนกว่า 404 เมกะวัตต์ คาดปรับเพิ่มกำลังการผลิตแตะ 664 เมกกะวัตต์ได้ภายในปี 2561 พร้อมรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขยายธุรกิจสถานีชาร์ตไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ ตั้งเป้าให้ได้ 1,000 แห่งภายในปี 2561
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA กล่าวว่า ประเมินผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หากเทียบกับครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 126 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ หรือ COD จนครบในช่วงไตรมาส 2/2560 ทำให้ยอดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมดเพิ่มเป็น 404 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 126 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์ม 278 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นค่า Ft อีกด้วย ขณะที่และธุรกิจไบโอดีเซลได้รับอานิสงส์จากการปรับใช้อัตราส่วนผสม B7 ทำให้รายได้และกำไรในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยีงได้มีการผลักดันให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัทย่อยของ EA ชื่อบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมมือกันผลักดันโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” เพื่อเตรียมพร้อมและส่งเสริมให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) และประเภทแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle : BEV) ที่รัฐตั้งเป้าหมายไว้รวม 1.2 ล้านคันภายในปี 2579 รองรับไทยแลนด์ 4.0 สมาร์ท ซิตี้ สนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งนอกจากจะจับมือกับ กฟน. แล้ว ยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวนับสิบราย ทั้งศูนย์การค้าชั้นนำ, โรงพยาบาล, อาคารสำนักงาน, โรงภาพยนตร์, คอนโดมีเนียม, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น จนนับเป็นการร่วมมือกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย
“การขยายไลน์เข้าสู่ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ “EA Anywhere” ในครั้งนี้ว่าได้กำหนดเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีชาร์จทั่วประเทศ 1,000 สถานี ภายในปี 2561 เพื่อเตรียมพร้อมรับการก้าวเข้าสู่ยุคสมาร์ทซิตีตามแผนการส่งเสริมของรัฐบาล ซึ่งติดตั้งสถานี้ชาร์จทั่วประเทศนี้จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้มากขึ้น การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้นี้จะช่วยให้ประเทศเราประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้อย่างมาก กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายพลังงานการเดินทางโดยรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าการใช้จักรยานยนต์ การบำรุงรักษาก็น้อย และยังลดมลพิษอีกด้วย สำหรับ EA แล้วจะได้รับผลดีในระยะยาวนั่นคือ ยิ่งมีพัฒนาการด้านการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งส่งผลต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าและแบตเตอรีของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงมากเช่นกัน”
ขณะที่ความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานลมในโครงการหนุมาน จ. ชัยภูมิ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนด COD ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นายอมร กล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างและพัฒนาโครงการแล้ว คาดว่าจะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทฯ ภายในสิ้นปี 2561 จะเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ บรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ผลักดันรายได้และกำไรของ EA ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้รวม 5,612.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย และมีกำไรสุทธิ 1,945.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.24%