xs
xsm
sm
md
lg

อุตฯ กลุ่มยานยนต์ขานรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า หวังรัฐคลอดนโยบายสาธารณะหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


3 กุนซื้ออุตสาหกรรมยานยนต์ เผยเร่งพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ให้มีความทันสมัย ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แนะรัฐคลอดนโยบายสาธารณะหนุนผู้บริโภคให้หันมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาด อย่างพอเพียง

นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวในงาน Thailand Focus 2017 : Establishing the New Engine ว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องมีการเร่งพัฒนาตนเองเพื่อก้าวให้ทันการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไฮบริด และรถพลังงานไฟฟ้า และยังต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค เช่น การแชร์รถยนต์ในหลายประเภท และการเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารเพื่อให้สามารถจุจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ อีกทั้ง ปัญหามลภาวะทางอากาศ และลดขยะ ซึ่งที่สุดแล้ว คือ ให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกจากนี้ แนวโน้มการบริโภคพลังงานในการเดินทางที่เปลี่ยนไปทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลงอีกด้วย อันจะเห็นได้จากการเกิดขึ้นของระบบแชร์กรรมสิทธิ์รถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือ ที่ประชาชนจะสมัครสมาชิกเพื่อใช้รถยนต์ในเวลาที่ต้องการและซื้อรถยนต์น้อยลง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า การสมัครสมาชิก 1 ครั้งจะทำให้รถยนต์หายไปจากถนน 11 คัน หรือการเกิดขึ้นของรถยนต์รับจ้างส่วนบุคคล เช่น Uber ที่สร้างความขัดแย้งกับผู้ประกอบการแท็กซี่ในหลายประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น อุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพยานยนต์ในอนาคตอันใกล้ เพราะในปัจจุบัน รถยนต์หลายยี่ห้อก็เริ่มมีฟังก์ชันการขับเคลื่อนอัตโนมัติในหลายสถานการณ์ เช่น ระบบช่วยจอด สำหรับโตโยต้า ขณะนี้ได้เร่งพัฒนาการใช้ข้อมูล Big Data ในหลายวัตถุประสงค์ เช่น การทำระบบนำทาง การบันทึกพฤติกรรมการขับรถ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจประกันภัย และเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย ซึ่งโตโยต้านั้น ไม่มีความกังวลในการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากมีโมเดลพลังงานสะอาดจากการพัฒนารถยนต์รุ่น Prius ก่อนหน้านี้มาระยะหนึ่งแล้ว

ขณะที่นางสาวเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2000-2015 ทำให้เราเห็นแนวโน้มว่า พลังงานไฟฟ้าจะเป็นพลังงานทดแทนที่จะมาแทนที่เชื้อเพลิงอื่น ๆ ซึ่งนิสสัน ได้มุ่งพัฒนาระบบยานยนต์อัจฉริยะ โดยตั้งเป้าหมายการพัฒนาให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมีอัตราอุบัติเหตุเป็นศูนย์ และลดปัญหาจราจรติดขัด และเป้าหมายเหล่านี้จะบรรลุผ่านฟังก์ชันการควบคุมล้อ ระบบกระจกมองหลังอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการจอดรถ และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นจุดมุ่งหมายของบริษัทนิสสัน ที่สร้างบริษัทขึ้นบนรากฐานความเป็นผู้นำทางนวัตกรรม และการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้านี้ถือเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งใจลดภาวะโลกร้อนด้วยการใช้ยานยนต์เทคโนโลยีสีเขียว

“นโยบายของรัฐบาลยังขาดการสร้างแรงจูงใจให้กับทั้งฝ่ายผู้ผลิต และผู้บริโภค ให้หันมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาดอย่างพอเพียง ซึ่งนโยบายการยกเว้นค่าทางด่วน หรือให้เงินตอบแทนแก่ผู้ซื้ออาจจะทำให้ความนิยมในรถยนต์พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นได้”

สำหรับนิสสันเองได้ขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยได้ก่อตั้งโรงงานแห่งที่สองขึ้นเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์กว่า 400,000 คันต่อปี และได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไทยซัมมิต กล่าวทิ้งทายว่า ทั้งนิสสัน และโตโยต้า ถือได้ว่าเป็นผู้นำในเทคโนโลยีที่ตนเองถนัด เพราะนิสสัน ลีฟ เป็นโมเดลรถยนต์พลังงานสะอาดที่ขายดีที่สุด แต่โตโยต้า พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนได้รุดหน้าที่สุดในเวลานี้

“สำหรับไทยซัมมิตนั้น ความภาคภูมิใจของเรา คือ การที่เราสามารถบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับ Tesla ได้สำเร็จในปีที่แล้ว เนื่องจากเราได้พัฒนาเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบาจากอลูมิเนียม และแมกนีเซียม ซึ่งจะมีน้ำหนักเบากว่าชิ้นส่วนยานยนต์เหล็กถึง 30%”

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ คือ เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เช่น เซ็นเซอร์การเปลี่ยนช่องทางจราจร การแจ้งเตือนผู้โดยสาร เป็นต้น นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี และเชื้อเพลิงชีวภาพ ก็เป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมยานยนต์ให้ความสนใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร เป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากทั้งสองประเทศได้กำหนดให้รถยนต์มีการปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ และทุก ๆ ประเทศก็กำลังมุ่งสร้างนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อมไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเราคงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงปี 2030-2040 หรือเร็วกว่านั้น สำหรับไทยซัมมิต เราได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านจีพีเอส แบตเตอรี และชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบา ซึ่งแมกนีเซียม และอลูมิเนียม ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตของไทยซัมมิตนั้น นอกจากจะทำให้ชิ้นส่วนยานยนต์มีน้ำหนักเบาแล้ว ยังช่วยดูดซับเสียง จึงทำให้ห้องโดยสารเงียบสงบอีกด้วย

สุดท้ายนี้ “ไทยซัมมิต ได้คาดการณ์ว่า ความต้องการของตลาดในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การซ่อมบำรุง และรีไซเคิล แนวทางการพัฒนาธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยซัมมิตจึงให้น้ำหนักกับเทคโนโลยีที่จะทำธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์สร้างโลกที่ดีกว่า และสะอาดกว่าโลกในปัจจุบัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น