เผยโรดแมปปั้น กคช. สู่องค์กรชั้นนำ “ธัชพล กาญจนกูล” วางกลยุทธ์ “5Re” หวังปรับโฉมการเคหะฯ สางปัญหาหนี้ ลดต้นทุน ปรับภาพลักษณ์องค์กร พร้อมเดินหน้าหาแหล่งทุนใหม่ช่วยลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงพันธกิจในการผลักดันให้การเคหะแห่งชาติ ก้าวไปตามแผนโรดแมปที่ตนได้วางไว้นั้นว่า แนวทางแรกจะเป็นเรื่องสำคัญภายในองค์กร ซึ่งจะอยู่ภายใต้แนวคิด “5Re” ได้แก่ 1. Re-Corporate การปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้เกิดความคล่องตัว แต่เนื่องจากก่อนหน้าจะเข้ามารับตำแหน่ง ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) มีการอนุมัติโครงสร้างไปแล้ว ทำให้ยังไม่สามารถปรับโครงสร้างใหม่ได้มากนัก เพียงแต่เข้ามาปรับปรุงเพียงบางส่วนงานที่มีความจำเป็น เช่น การอนุมัติงานสาขาเดิมเป็นสำนักเคหะชุมชน (สช.) หรือการอนุมัติการเคหะฯ จังหวัด และการเคหะฯ เขต ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ และเตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาหากไม่ทันเดือน ส.ค. ก็จะเป็นช่วงเดือน ต.ค.
“การปรับเปลี่ยนดังกล่าวพนักงานในการเคหะฯ รับทราบ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะทำให้การทำงานมีความคล่องตัวขึ้น เป็นการกระจายอำนาจไปในพื้นที่ส่วนภูมิภาคมากขึ้น การบริการจะดีขึ้น เพราะแก้ปัญหาการตัดสินใจ หรือการอนุมัติการดำเนินงาน ได้รวดเร็วขึ้น ยกตัวอย่าง การซ่อมแซมที่อยู่อาศัยบางส่วนที่ได้รับความเสียหายใช้งบเพียงหมื่น สองหมื่นบาท ไม่จำเป็นต้องเสนอเรื่องเข้ามา ซึ่งกว่าผู้ว่าฯ กคช. จะอนุมัติก็ใช้เวลากว่า 2 เดือน แต่ระดับเขตสามารถอนุมัติได้เลยเช่นเดียวกับการติตามหนี้ หัวหน้าเขตอนุมัติดำเนินการได้ ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างภายในปัจจุบันคืบหน้าไปแล้ว 70-80% เหลือเพียงขั้นตอนการอนุมัติเท่านั้น”
นอกจากนี้ ยังมีการปรับกฎหมายในบางเรื่อง เช่น พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใสมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้อกับแนวทางของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และปรับเรื่องอำนาจการอนุมัติพิจารณาแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ จากเดิมที่การพิจารณาปรับตำแหน่งนั้นต้องผ่านบอร์ดทั้งหมด เพราะปัจจุบัน การพิจารณาแต่งตั้ง หรือย้ายตำแหน่งทั้งหมด บอร์ดต้องรับผิดชอบดูแลตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับกอง
2. Re-Brand ปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กร โดยพยายามให้หน่วยงานสื่อสารองค์กรเร่งปรับภาพลักษณ์ ความรวดเร็วในการทำงาน ความโปร่งใส ซึ่งหลังจากดำเนินการปรับปรุงในเรื่องภาพลักษณ์ไปบ้างแล้ว จากการรับฟังจากคนภายนอกพบว่า ภาพลักษณ์องค์กรของ กคช. ดีขึ้นมาก แต่ยังไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการ
ขณะเดียวกัน จะมีการเปิดศูนย์นวัตกรรมในเขตห้วยขวางในเดือน ก.ย. เป็นแห่งแรก เพื่อช่วยปรับภาพลักษณ์ กคช. จากเดิมที่ถูกมองว่าล้าหลังในเรื่องเทคโนโลยี คุณภาพไม่ดี เพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนความคิดหลังจากเข้ามาใช้บริการในศูนย์ และศูนย์ดังกล่าวจะเปรียบเสมือนวันสต๊อปเซอร์วิส โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อห้องชุด บ้านในโครงการต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ศูนย์ฯ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้น รวมถึงการนำธนาคารเข้ามาให้บริการในศูนย์ฯ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการยื่นกู้ได้
นอกจากนี้ กคช. จะมีการเพิ่มสีของโลโก้ และสีประจำองค์กร เพื่อให้สดใสมากขึ้น เช่น การเพิ่มสีชมพู เพื่อให้ดูสวยงาม การทำมาร์เกตติ้งก็จะน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งในบางสาขาเริ่มเปลี่ยนบ้างแล้ว และอีกเรื่อง คือ การเพิ่มศักยภาพของบุคลากร หรือการสร้าง New Generation เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพงานบริการให้ดีมากขึ้น โดยจะคัดสรรพนักงานรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้านงานบริการมาอบรมเพื่อพัฒนา เพื่อไปประจำศูนย์นวัตกรรม
สร้างมูลค่าของสินทรัพย์
ผู้ว่าฯ กคช. กล่าวถึงการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ว่า เป็นหัวใจสำคัญอีกส่วนในข้อ 3. Re- Assets เช่น การนำอาคารเช่าทั้งหมดของ กคช. มาพิจารณาว่ายังมีทรัพย์ หรืออาคารส่วนใดที่ไม่สร้างรายได้ ก็หากิจกรรมที่เสริมรายได้เข้ามา เช่น การดึงเซเว่นอีเลฟเว่นเข้ามาเช่าพื้นที่ เปิดตู้ ATM ให้บริการประชาชน จูงใจให้เอกชนที่สนใจในพื้นที่ศักยภาพเข้ามาเช่า รวมถึงได้ทบทวนแผนการนำที่ดินศักยภาพมาพัฒนาโครงการ เช่น ที่ดินในโซนร่มเกล้า แปลงบางพลี ลำลูกกา ซึ่งมีการศึกษา และเตรียมเสนอให้นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาพัฒนาเมืองใหม่ และศูนย์ราชการ บางส่วนนำที่ดินมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่ที่ดินบางส่วนที่เหลือจากการพัฒนาโครงการบ้านเอื้ออาทร แปลงไหนปรับปรุงได้ จะนำมาพัฒนาโครงการ หรือไม่ก็รวมแปลงและขายลดราคาให้กับเอกชน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ เช่น นักลงทุนจีนที่ต้องการที่ดินแปลงใหญ่ และมีทุนต้องการซื้อและนำไปพัฒนาโครงการเอง เช่น ที่ดินในโซนสมุทรปราการ บางพลี ซึ่งกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมโรงงานจากจีน เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานเยอะ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในรูปแบบนี้
4. Re-Liability คือ การสะสางกลุ่มลูกค้าหนี้บ้านเอื้ออาทรที่ครบอายุผ่อน 5 ปี ในส่วนนี้ กคช. ต้องมีภาระการค้ำประกันอยู่ และหากสามารถปลดล็อกการค้ำประกัน และโอนกลุ่มลูกค้าให้กับสถาบันการเงินได้ จะช่วยลดภาระค้ำประกันของ กคช. ลดค่าใช้จ่ายลง หรือกลุ่มลูกหนี้เช่าซื้อที่ครบ 3 ปีที่ไม่ได้ต่อสัญญา ให้เร่งดำเนินการต่อสัญญาให้หมด เพื่อให้ กคช. มีรายได้ต่อเนื่อง
และRe-Equity การทบทวนราคาประเมินของ กคช. ที่ใช้อยู่ว่า มูลค่าหรือราคาตลาดเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมินมูลค่าอาคารเช่าที่มีอยู่ และการหาแหลงเงินทุนใหม่ ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา คือ การหาบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท แซมโก้ จำกัด บริษัทลูก เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัท เฮ้าส์ซิ่งโลน จำกัด ทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าซื้อบ้านของการเคหะฯ จากเดิมที่ทำหน้าที่บริหารจัดการชุมชน ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกับเอกชนปรากฏว่ามีบริษัทเอกชนหลายแห่งแสดงความสนใจเข้ามาร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว แต่ขณะนี้ต้องรอดูว่า การทำ ppp ว่าจะมีความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะมีรูปแบบออกมาอย่างไร.
