xs
xsm
sm
md
lg

“เนอวานา ไดอิ” ขนคอนโดฯ หรูริมน้ำ “บันยันทรี” โรดโชว์ฮองกง-สิงคโปร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศรศักดิ์ สมวัฒนา
“เนอวานา ไดอิ” เดินหน้าลงทุนครึ่งปีหลังเปิด 2 โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมขนคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์” โรดโชว์ฮ่องกงกวาดยอดขายกว่า 400 ล้านบาท เล็งโรดโชว์ต่อสิงคโปร์ ก่อนเปิดขายในไทย พ.ย. นี้ พร้อมพัฒนาที่ดินผืนใหญ่ 237 ไร่ เปิดโครงการแรก Define ศรีนครินทร์-พระราม 9 มั่นใจยอดขายปี 60 ทะลุ 3,000 ล้านบาท

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังปี 2560 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมหรู ภายใต้แบรนด์บันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ “Banyan Tree Residences Riverside Bangkok” มูลค่า 6,000 ล้านบาท จำนวน 133 ยูนิต ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 70 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 20-300 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างไปถึงชั้น 8 จะเปิดขายในไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560

ที่ผ่านมา บริษัทได้นำโครงการบันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ไปโรดโชว์ยัง ฮ่องกง เพื่อทดสอบตลาด และราคาที่เสนอขายว่า ชาวต่างชาติตอบรับดีหรือไม่ ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมากโดยมียอดขายที่ฮ่องกงแล้ว 10% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย หรือกว่า 400 ล้านบาท อีกทั้งราคาขายได้เพิ่มขึ้นไปมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร แสดงถึงศักยภาพของทำเลของโครงการที่ลูกค้าชาวต่างชาติมีความสนใจค่อนข้างมากและในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ บริษัทจะไปโรดโชว์ยังสิงคโปร์ คาดว่าจะได้รับความสนใจ และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนในไทยมีแผนจะเปิดขายในช่วงเดือนพฤศจิกายน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงปลายปี 2561
บันยันทรี เรสซิเดนซ์
ส่วนอีก 1 โครงการที่จะเปิดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ โครงการ Define ศรีนครินทร์-พระราม 9 เป็นโครงการนำร่องบนที่ดินผืนใหญ่ของบริษัทขนาด 237 ไร่ ติดสองฝั่งถนนตัดใหม่ ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ย่านกรุงเทพกรีฑา ซึ่งบริษัทมีแผนจะพัฒนา 6-7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 13,000 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 912 ล้านบาท เติบโต 226% แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 997 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้าน 265 ล้านบาท และรายได้จากการขายวัสดุก่อสร้าง 53 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรขั้นต้น 415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290% และมีกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทรายได้รอรับรู้ที่ประมาณ 920 ล้านบาท และมียอดขายในช่วงครึ่งปีแรก 1,800-1,900 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าในปีนี้จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท โดยเฉพาะจากโครงการบันยันทรี
เนอวานา ดีฟริน
นายศรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่เนอวานาฯ ได้ควบรวมกับ บริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นับเป็นการผนวกจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างที่นำสมัย มั่นคงแข็งแรง เข้ากับความสามารถด้านการออกแบบที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเนอวานา ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่บริษัทเป็นอย่างมาก เป็นที่มาของแผนยุทธศาสตร์ “Synergistically Beyond” ในระยะ 5 ปีของบริษัท

“ในด้านการทำการตลาดนั้น เราวางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ NVD คือ กลุ่ม B ถึง A++ ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ชอบความแตกต่าง เน้นรายละเอียด เพราะโครงการที่เราพัฒนานั้นจะพัฒนาภายใต้แนวความคิด Life is Full of Details เน้นการใช้ Human-Centered Design ในการออกแบบ โครงการจะถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ระดับพรีเมียม ตอบรับ high-end lifestyle สำหรับด้านคุณภาพนั้น เรามีการก่อสร้างที่มีคุณภาพ โดยใช้พื้นฐานนวัตกรรมของไดอิ ที่จะสร้างความรวดเร็วในการก่อสร้าง ทั้งยังมีความแข็งแกร่ง สวยงาม และทนทาน ตอบโจทย์การขยายตลาดในวงที่กว้างขึ้น ทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรับสร้างบ้าน ทั้งหมดนี้ คือ กลยุทธ์ Synergistically Beyond ที่จะตอบสนองการเติบโตในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า” นายศรศักดิ์ กล่าว

สำหรับการดำเนินธุรกิจของเนอวานา ไดอิ แบ่งเป็น 3 หมวด คือ 1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ครอบคลุมโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ 2) ธุรกิจรับสร้างบ้าน ลูกค้าสามารถสร้างบ้านเนอวานา ในที่ดินของลูกค้า และ 3) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจนี้จะใช้ศักยภาพเชิงเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างเดิมของไดอิ โดยเสริมการออกแบบที่แตกต่าง และทันสมัย ในสไตล์ของเนอวานาเข้าไป เป็น Innovative Product รูปแบบใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า


กำลังโหลดความคิดเห็น