สหกลอิควิปเมนท์ไตรมาส 2 ปั๊มรายได้ 913 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากกำไรขั้นต้นเพิ่ม เผยมีแผนงานจะเริ่มการผลิตจากระบบเครื่องจักรใหญ่ไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งเร็วขึ้นจากกำหนดการเดิมตามสัญญาที่จะเริ่มทำงานในไตรมาส 1 ปี 2561 เนื่องจากสามารถติดตั้งและทำการทดสอบเครื่องจักรได้เรียบร้อยทั้งระบบได้ก่อนกำหนดเวลาตามสัญญา
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปีนี้ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการงานรับเหมาทำเหมืองแร่ทั้ง 3 โครงการรวม 913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากรายได้รวม 673 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเติบโต 159% เป็นกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 64 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 35% จากเดิม 24.30% เทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน”
หากพิจารณาผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกนั้น บริษัทฯ มีรายได้ 1,932 เพิ่มขึ้น 43% จาก 1,354 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปริมาณงานขุดขนดินของโครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 ที่ทำได้มากขึ้น และราคาขุดขนดินต่อหน่วยเพิ่มขึ้นตามสัญญาเช่นเดียวกับรายได้จากโครงการเหมืองหงสาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ได้ปริมาณงานเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 391 ล้านบาท เติบโตถึง 191% จาก 134 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานโครงการเหมืองแม่เมาะโครงการที่ 8 ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูง
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือคงเหลือประมาณ 36,663 ล้านบาท (ณ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2560) รองรับการรับรู้รายได้ประมาณ 10 ปี โดยเป็นงานโครงการแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 20,811 ล้านบาท โครงการหงสาที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มูลค่าประมาณ 10,338 ล้านบาท งานโครงการแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 1,843 ล้านบาท และงานเหมืองแร่ดีบุกเมืองเฮนดา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มูลค่างานประมาณ 3,672 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินงานได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้”
นายศาศวัต กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ มีแผนงานที่จะเริ่มการผลิตจากระบบเครื่องจักรใหญ่ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งเร็วขึ้นจากกำหนดการเดิมตามสัญญาที่จะเริ่มทำงานในไตรมาส 1 ปี 2561 เนื่องจากบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถติดตั้งและทำการทดสอบเครื่องจักรได้เรียบร้อยทั้งระบบได้ก่อนกำหนดเวลาตามสัญญา และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยื่นประมูลการประมูลโครงการแม่เมาะโครงการที่ 9 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท และคาดว่าจะทราบผลในปลายปีนี้ โดยบริษัทฯ มีจุดแข็งจากการเป็นผู้นำด้านผู้รับเหมางานเหมืองแร่แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และภูมิภาค CLMV มีประสบการณ์ด้านการทำเหมืองโดย เฉพาะในโครงการเหมืองแม่เมาะยาวนานมากกว่า 34 ปี บวกกับความรู้ และความชำนาญในการทำเหมืองของบุคลากรทุกคนในองค์กรสามารถส่งมอบงานได้ดี และยังครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% อีกด้วย”
สำหรับ บมจ. สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) เป็นผู้รับเหมางานเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และภูมิภาค CLMV และเป็นบริษัทรับเหมาใหญ่เพียงรายเดียวที่มุ่งเน้นรับงานโครงการเหมืองแร่ครบวงจรเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นงานเฉพาะด้านที่มีอัตรากำไรค่อนข้างสูง มีปริมาณงานต่อเนื่องในระยะยาวรองรับร่วม 10 ปี มีคู่แข่งน้อยราย รวมทั้งบริษัทฯ มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังมีเครื่องจักรที่มีความพร้อมในด้านการขุดขนดินสำหรับงานเหมืองเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ