xs
xsm
sm
md
lg

“แสนสิริ” ประกาศร่วมทุนโตคิว กรุ๊ปผุด “สิริ ทีเค วัน” รุกอสังหาฯ ขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


- “แสนสิริ” เดินหน้าขยายฐานลูกค้าไทย-ญี่ปุ่น ดึงโตคิวกรุ๊ป ร่วมทุน บุกตลาดคอนโด-ปั้นเมือง พัฒนาคอมมูลนิตี ล่าสุด ประกาศเปิดตัวคอนโดร่วมทุนโครงการแรก ย่านเอกมัย ภายใต้ชื่อ “taka HAUS” มูลค่า 2,000 ล้านบาท เน้นตอบรับไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยคนไทยและญี่ปุ่น คาดเปิดตัวกันยายนนี้ มั่นใจได้พันธมิตรญี่ปุ่น ดันสัดส่วนลูกค้าญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10% เผยแผนระยะยาว เล็งปั้นเมือง พัฒนา Community ร่วมกันในอนาคต

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาและให้บริการระบบรถไฟในเขตชานเมืองโตเกียว การพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม รีสอร์ต และธุรกิจอื่น ๆ และบริษัท สหโตคิว คอร์ปอเรชัน จำกัด ก่อตั้งบริษัท สิริ ทีเค วัน โดยกลุ่มแสนสิริ ถือหุ้น 70% กลุ่มโตคิวฯ ถือหุ้น 29% และบริษัท สหโตคิวฯ ถือหุ้น 1% เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ หลังจากการร่วมทุนดังกล่าว สิริ ทีเค วัน ได้ประกาศเปิดตัวการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องภายใต้ชื่อ “taka HAUS” (ทากะ เฮาส์) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 2 อาคารบนพื้นที่ 4 ไร่ ในทำเลสุขุมวิท-เอกมัย จำนวน 200 ยูนิตเศษ ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 30 ตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.ย. นี้ ขณะเดียวกัน ก็จะมีการเปิดตัวโครงการดังกล่าวที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือน ก.ย. เช่นกัน

“การได้ โตคิว กรุ๊ป เป็นพันธมิตร ทำให้ แสนสิริ ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความเป็นชาตินิยมสูงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย หรือลงทุนในธุรกิจต่างๆ หากมีช้อยให้เลือกคนญี่ปุ่นจะเลือกซื้อสินค้ากับคนญี่ปุ่นด้วยกันก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นการได้ โตคิว กรุ๊ป เข้ามาจะช่วยขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นให้แสนสิริได้เพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งในโครงการ “taka HAUS” นี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นประมาณ 15%”

นอกจากนี้ ยังได้รับความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานในการขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ ช่วยส่งเสริมธุรกิจหลัก ร่วมไปถึงการรุกธุรกิจคอมมูนิตีรีเทลภายใต้ชื่อ “ฮาบิโตะ มอลล์” ซึ่งเป็นการเปิดให้ร้านค้าและร้านอาหารเช่าพื้นที่ในปีที่ผ่านมา รวมถึงบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ และบริหารงานขายโครงการ และช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจในการผลักดันแบรนด์ “แสนสิริ” ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น เพิ่มมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือจากการนำโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย

นายโทชิยูคิ โฮชิโนะ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ผู้จัดการบริหารอาวุโส/ผู้จัดการบริหารทั่วไป สำนักงานใหญ่ธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า อนาคตกรุงเทพฯ จะคล้ายเมืองใหญ่ทั่วโลก คือเป็น Cluster/District หรือเป็นเมืองย่อยในเมืองใหญ่ ดังนั้น การเลือก Cluster ที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในแง่การใช้ชีวิต และการลงทุน สิ่งอำนวยความสะดวกจะไม่รวมศูนย์อยู่แค่กรุงเทพฯ ชั้นในเหมือนปัจจุบัน แต่จะกระจายออกไปยังพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบ โดยการจับกลุ่มของเมืองย่อย หรือ Cluster จะเป็นไปตามสถานีรถไฟฟ้า แทนที่จะเป็นตามเขตปกครอง หรือตามถนน

โดยกรุงเทพฯ ยังอยู่ในช่วงระหว่างการขยายโครงข่ายคมนาคมที่ทำให้เชื่อว่ายังมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่ทั้งตามแนวรถไฟฟ้า และอยู่ในเขตชุมชนต่าง ๆ อีกมากในอนาคต ซึ่งแสนสิริ และโตคิว มองเห็นโอกาส และความเป็นไปได้สำหรับแผนความร่วมมือในอนาคต เพื่อมอบ Community ที่อยู่อาศัย ความบันเทิง โรงเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ไม่จำเป็นต้องเกาะกลุ่มความเจริญแค่ในกรุงเทพฯ ชั้นในเพียงอย่างเดียวในอนาคต”

“โอกาสการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ไทยมีอยู่สูง ประกอบกับศักยภาพของไทยที่เป็นจุดศูนย์รวมของระเบียงเศรษฐกิจหลายด้าน และยังเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทำให้เกิดมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้น ด้วยการผลักดันของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพมหานคร ที่จะยังเป็นจุดดึงดูดผู้คนมาสู่จุดศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจนี้ และเป็นประเด็นที่จะนำมาซึ่งอุปสงค์ทางด้านที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น