“คลัง” ปลอบอย่ากังวล หลังบาทแข็งค่าทุบสถิติรอบ 26 เดือน ซึ่งแข็งค่าสุดในภูมิภาคอาเซียน และแข็งค่าเป็นอันดับสองของทวีปเอเชีย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 26 เดือน ซึ่งแข็งค่าสุดในภูมิภาคอาเซียน และแข็งค่าเป็นอันดับสองของทวีปเอเชียว่า กระทรวงการคลังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาแล้ว โดยยืนยันว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่ได้หมายความว่า เศรษฐกิจภายในประเทศแย่ หรือมีปัญหา แต่มาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินบาท รวมถึงค่าเงินอื่นในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นมา
“ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ติดตามสถานการณ์ค่าเงินอยู่ใกล้ชิด และได้คุยกับแบงก์ชาติมาเช่นกัน ซึ่งสาเหตุของค่าเงินบาทที่แข็งค่า มาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ไม่ได้มาจากเศรษฐกิจภายในที่มีปัญหาแต่อย่างใด”
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. คลัง กล่าวว่า รัฐบาลกำลังหามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ โดยจะพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง ขณะที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว
“ต้องบอกว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีเขาไม่ค่อยรู้เรื่องปิดความเสี่ยง และไม่ค่อยสนใจ ซึ่งมาตรการกำลังดูกันอยู่ ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ก็ต้องร่วมด้วย ส่วนมาตรการที่ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าไปช่วยนั้น เป็นเพียงมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อ แต่ไม่ใช่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน”
ขณะที่นักค้าเงิน กล่าวว่า ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ