ฮาบิแทท กรุ๊ป มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับพรีเมียมครึ่งปีหลังไปได้สวย กางแผนผุดบ้านหรูระดับลักชัวรีในซอยร่วมฤดี มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวหรูทำเลวงศ์อมาตย์ พัทยา มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท เผยครึ่งปีแรกตลาดตอบรับดี ดันยอดขายเฉลี่ยทุกโครงการพุ่ง 70% มั่นใจยอดขายทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 บริษัทมีแผนขยายการลงทุนโครงการใหม่เพิ่ม ทั้งในทำเลหลักคือ พัทยา และ กทม. โดย ฮาบิแทท กรุ๊ป เตรียมเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีที่เหลือ โดยยังคงปักหมุดที่ทำเลพัทยา ซึ่งถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของฮาบิแทท กรุ๊ป โดยจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ จำนวน 192 ยูนิต บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 1 ไร่ ในทำเลวงศ์อมาตย์ พัทยา มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 ของปี 2560
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยใน กทม. อีกหนึ่งโครงการในไตรมาส 4 เช่นเดียวกัน โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นที่พักอาศัยแนวราบระดับลักชัวรี บนพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ ในซอยร่วมฤดี โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะมีมูลค่าขายประมาณ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ทั้งสองโครงการที่จะเปิดใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากตลาดบ้านพักและคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ยังเป็นที่ต้องการของทั้งผู้ซื้อชาวไทย และชาวต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป มั่นใจว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ตลาดจะแนวโน้มที่ดีขึ้นจากนโยบายด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนด้านต่าง ๆ ที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการกลับมาเดินหน้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ ไว้ตามแผนงาน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีแนวโน้มจะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น จะกลายเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่น่าจับตามองต่อไป
“บริษัทคาดว่า ในปี 2560 บริษัทฯ จะสามารถปิดยอดขายพรีเซลได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท และสามารถมีรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น 20% ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ชื้อตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอน”
นายชนินทร์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ได้เดินหน้าลงทุนโครงการคอนโดใหม่ในทำเลพัทยา จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา และโครงการบลูเฟียร์ พัทยา แมเนจบาย เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น โดยสามารถปิดยอดการขายทุกโครงการรวมเฉลี่ยกว่า 70% ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงโครงการครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ ที่สามารถปิดการขายได้ภายใน 6 เดือนแรก และเตรียมพร้อมเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้ และโครงการ เดอะวิลล์ จอมเทียน โครงการแรกของฮาบิแทท กรุ๊ป ที่ปิดการขาย 100% ได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี ซึ่งโครงการฯ ได้เข้าสู่โปรแกรมการลงทุน ตั้งแต่ปี 2558 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พัทยา ยังคงเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของฮาบิแทท กรุ๊ป เนื่องจากเป็นทำเลที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพมาก ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนมาจากจำนวนการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว โดยในปี 2559 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนละกว่า 78% และเป็นทำเลเดียวที่มีนักท่องเที่ยวเต็มตลอดทุกฤดูกาล นอกจากนี้ ด้วยนโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของภาครัฐ และการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ อาทิ สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีเป้าหมายในการรองรับจำนวนผู้โดยสาร จำนวน 1.2 ล้านคนจาก 700,000 คนต่อปี และท่าเรือสัตหีบ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้ 1-2 ชั่วโมง รวมไปถึงมอร์เตอร์เวย์สายใหม่สู่ระยอง”
ปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งส่งผลในเชิงบวกต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักลงทุน ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ยังส่งผลต่อราคาที่ดินในพัทยาให้พุ่งสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะในทำเลวงศ์อมาตย์ และนาจอมเทียน ที่เป็นทำเลที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายให้ความสนใจเป็นอันมาก รวมถึงฮาบิแทท กรุ๊ป เองที่มีทำเลส่วนใหญ่ใน 2 ทำเลยุทธศาสตร์นี้