KKP แจ้งผลกำไร 6 เดือน เติบโต 12.7% แต่ไตรมาส 2 กำไรลดลง 8.6% จากการกันสำรองเพิ่มเติม ขณะที่ภาพรวมสินเชื่อครึ่งปีขยายตัว 4.1% เอ็นพีแอลที่ 5.8% เพิ่มขึ้นจาก 5.6%
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) แจ้งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 มีกำไรสุทธิ 2,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 มียอดสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และค่าเผื่อการปรับมูลค่าจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 11,089 ล้านบาท โดยมียอดสำรองทั่วไปทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาท อัตราส่วนสำรองทั้งสิ้นต่อสำรองตามเกณฑ์เท่ากับร้อยละ 185.1 เปรียบเทียบกับร้อยละ 169.8 ณ สิ้นไตรมาส 2/2559 และมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับร้อยละ 104.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 95.7 ณ สิ้นไตรมาส 2/2559 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 17.54 โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 14.20 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2560 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับร้อยละ 18.64 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 15.30
สำหรับภาพรวมการดำเนินงาน สินเชื่อของธนาคารไตรมาส 2/2560 มีการขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 จากสิ้นไตรมาส 1/2560 ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2560 สินเชื่อโดยรวมของธนาคารขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 โดยสินเชื่อของธนาคารที่มีการขยายตัว ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขยายตัวที่ร้อยละ 93.2 สินเชื่อ Micro SMEs ซึ่งรวมสินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 ยายตัวที่ร้อยละ 51.7 สินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ร้อยละ 18.7 สินเชื่อบรรษัทขยายตัวที่ร้อยละ 106.8 สินเชื่อ Lombard ขยายตัวที่ร้อยละ 15.3 และสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อหดตัวร้อยละ 5.2 จากสิ้นปี 2559
ด้านคุณภาพของสินเชื่อ ปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2560 อยู่ที่ร้อยละ 5.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.6 ณ สิ้นปี 2559 ทางด้านธุรกิจบริหารหนี้ ธนาคารขายทรัพย์รอการขายได้ ในไตรมาสที่ 2/2560 จำนวน 142 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อซื้อขายของบริษัท) ที่ร้อยละ 4.93 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.51 ในไตรมาส 1/2560 ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งหมด 37 แห่ง สำหรับในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในไตรมาส 2/2560 บล. ภัทร ได้เปิดให้บริการ Global Investment Service (GIS) ซึ่งเป็นการให้บริการการลงทุนต่างประเทศสำหรับลูกค้าบุคคลรายใหญ่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารเงินลงทุนในต่างประเทศ
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) แจ้งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 มีกำไรสุทธิ 2,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 มียอดสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และค่าเผื่อการปรับมูลค่าจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 11,089 ล้านบาท โดยมียอดสำรองทั่วไปทั้งสิ้น 4,500 ล้านบาท อัตราส่วนสำรองทั้งสิ้นต่อสำรองตามเกณฑ์เท่ากับร้อยละ 185.1 เปรียบเทียบกับร้อยละ 169.8 ณ สิ้นไตรมาส 2/2559 และมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับร้อยละ 104.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 95.7 ณ สิ้นไตรมาส 2/2559 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 17.54 โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 14.20 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2560 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับร้อยละ 18.64 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 15.30
สำหรับภาพรวมการดำเนินงาน สินเชื่อของธนาคารไตรมาส 2/2560 มีการขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 จากสิ้นไตรมาส 1/2560 ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2560 สินเชื่อโดยรวมของธนาคารขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 โดยสินเชื่อของธนาคารที่มีการขยายตัว ได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขยายตัวที่ร้อยละ 93.2 สินเชื่อ Micro SMEs ซึ่งรวมสินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 ยายตัวที่ร้อยละ 51.7 สินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ร้อยละ 18.7 สินเชื่อบรรษัทขยายตัวที่ร้อยละ 106.8 สินเชื่อ Lombard ขยายตัวที่ร้อยละ 15.3 และสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อหดตัวร้อยละ 5.2 จากสิ้นปี 2559
ด้านคุณภาพของสินเชื่อ ปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2560 อยู่ที่ร้อยละ 5.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.6 ณ สิ้นปี 2559 ทางด้านธุรกิจบริหารหนี้ ธนาคารขายทรัพย์รอการขายได้ ในไตรมาสที่ 2/2560 จำนวน 142 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อซื้อขายของบริษัท) ที่ร้อยละ 4.93 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.51 ในไตรมาส 1/2560 ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งหมด 37 แห่ง สำหรับในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในไตรมาส 2/2560 บล. ภัทร ได้เปิดให้บริการ Global Investment Service (GIS) ซึ่งเป็นการให้บริการการลงทุนต่างประเทศสำหรับลูกค้าบุคคลรายใหญ่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารเงินลงทุนในต่างประเทศ