กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน)) ได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน (ภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox) โดยกรุงศรีนับเป็นธนาคารแรกของไทยที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain’s Interledger มาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพ และความรวดเร็วในการโอนเงินระหว่างประเทศแบบ Real Time สำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัล แบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยี Blockchain’s Interledger เป็นวิวัฒนาการล่าสุดที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Privacy ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ โดยกรุงศรี เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะช่วยลดทอนระยะเวลาการโอนเงินระหว่างประเทศเหลือเพียงหลักวินาทีเท่านั้น จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาในแต่ละครั้งเป็นเวลานานถึง 2-3 วัน จะช่วยยกระดับบริการการโอนเงินระหว่างประเทศของธนาคาร และลดต้นทุนในการทำธุรกรรมการเงินทั้งของลูกค้าธนาคาร และธุรกิจต้นน้ำปลายน้ำตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ อีกทั้ง ยังเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย
กรุงศรี ได้รับความไว้วางใจจาก กลุ่มลูกค้าองค์กรชั้นนำในไทย และต่างประเทศร่วมใช้เทคโนโลยี Blockchain’s Interledger โอนเงินข้ามประเทศภายใต้กรอบ BOT Regulatory Sandbox
นอกจากนี้ กรุงศรียังได้รับการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หรือ MUFG กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และ 1 ใน 5 กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในการพัฒนาความเชื่อมโยงของเครือข่ายทั่วโลก ทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศเชื่อมโยงทั่วโลกเป็นไปได้อย่างแท้จริง และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกรอบ และหลักเกณฑ์ผ่านเทคโนโลยี Blockchain’s Interledger ภายใต้ชื่อ Global Payment Steering Group ร่วมกับธนาคารชั้นนำระดับโลกอีก 6 ธนาคาร เพื่อสนุบสนุนการโอนเงินระหว่างประเทศทั่วโลก