บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงมติของวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ พ.ร.บ. Healthcare ของทรัมป์ ที่ออกมาแทน Obamacare เป็นปัจจัยที่ที่สร้างความกังวลให้ตลาดติดตาม ประเมินดัชนี SET Index สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ที่ 1,576-1,587 จุด
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ จากปัจจัยต่างประเทศที่ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก ซึ่งค้านกับมุมมองของตลาด แต่ Fed มองว่า จากข้อมูลที่มีอยู่โดยเฉพาะการว่าจ้างงานตลอดจนการบริโภค และแผนการลงทุนภาครัฐของรัฐบาล ทรัมป์ ที่กำลังจะออกมาในที่สุด จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และลดขนาดมาตรการเชิงปริมาณ (QE) ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ส่งผลกดดันต่อผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯ ให้ลดลงมาอยู่ ณ ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งในด้านหนึ่งเป็นผลดีกับเอเชีย โดยทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเอเชีย รวมทั้งไทยปริมาณพอสมควร แต่เข้าไปที่ตลาดพันธบัตรมากกว่าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียยังยืนอยู่ได้ และส่งผลให้ค่าเงินบาท และเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้น
ขณะที่จุดสนใจของสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้า อยู่ที่การลงมติของวุฒิสภาสหรัฐฯ ต่อ พ.ร.บ. Healthcare ใหม่ที่จะทดแทน Obamacare ส่งผลให้ตลาดมีความระมัดระวังในการลงทุนก่อนการลงมติดังกล่าว เพราะหาก พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่ผ่านวุฒิสภา จะกระทบต่อสถานะความเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ และอาจมีผลต่อการออกแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ Markit ออกมาว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และยุโรป ยังขยายตัวอยู่แต่ชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย. ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดไปได้ไม่ไกลนัก
ทำให้สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,576-1,587 จุด โดยจะต้องติดตามปัจจัยอื่น ๆ คือ ผลการประชุม World economic forum จัดขึ้นที่จีน ในวันที่ 27-29 มิ.ย. และธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยของเดือน พ.ค. ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. นี้