สำนักงาน ก.ล.ต. เรียกร้องให้นักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อขายหุ้น บมจ. แอสเซท ไบร์ท (ABC) เข้ามาร้องเรียน เพื่อขยายผลตรวจสอบ “ครูอ้อย” หากพบพฤติกรรมกระทำผิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ กรณีพัวพันซื้อขายหุ้น และหลอกลวงนักลงทุนเข้ามาลงทุนจนเสียหาย ก็พร้อมดำเนินการตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
จากกรณีที่มีนักลงทุนออกมาร้องเรียนพฤติกรรมของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” ที่ชักชวนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนสูญเงินนับ 10 ล้านบาท จนทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. โดย “เกศรา มัญชุศรี” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ออกมาชี้แจงแนวทางการดำเนินงานว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหน้าที่ดูแลระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบคำสั่งซื้อขายหุ้นทุกวัน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานที่อำนาจในการตรวจสอบในหลายมิติ โดยเฉพาะการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นักลงทุนนำเข้ามาลงทุนลงทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น หากนักลงทุนมีข้อมูลจึงควรเข้าร้องเรียนที่สำนักงาน ก.ล.ต.
“กรณีของ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่พัวพันการซื้อขายหุ้นบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC จนทำให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนบางรายเป็นวงเงินกว่า 10 ล้านนั้น นักลงทุนน่าจะเข้าไปที่สำนักงาน ก.ล.ต. เพราะมีอำนาจในการตรวจสอบได้หลายด้าน เพื่อให้ทาง ก.ล.ต. มีคำสั่งดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงมาตามระบบ ตลาดหลักทรัยพ์อาจดำเนินการได้เฉพาะการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น ซึ่งเราก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว” นางเกศรา กล่าว
สอดคล้องกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ข้อเเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ยังไม่สามารถสรุปไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลักทรัพย์ได้หรือไม่ ดังนั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต. จึงขอให้นักลงทุนผู้ได้รับความเสียหายนำหลักฐานเข้ามาร้องเรียนที่สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
“หลายภาคส่วนถามว่า ทำไมสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่เข้าไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ต้องเรียนว่า ณ ขณะนี้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ก็มีข้อมูลตามที่เผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ แต่ไม่มีผู้เสียหายนำหลักฐานเข้ามาร้องเรียนกับทางสำนักงาน ก.ล.ต. เราก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้ จึงใคร่ขอให้นักลงทุนผู้เสียหายนำหลักฐานที่มี ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่าน “Messenger” “Line” หลักฐานการโอนเงิน ฯลฯ เข้ามาร้องเรียนเพื่อให้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ตั้งต้นดำเนินการสอบสวนต่อไป”
โดย ก.ล.ต. จะพิจารณาจากหลักฐาน และข้อเท็จจริง หากอยู่ในส่วนที่ ก.ล.ต. ดูแล ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป ซึ่งนักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย หรือผู้ที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถแจ้งมาที่ ก.ล.ต. ได้ทั้งเข้ามาพบ แจ้ง-ส่งหลักฐานทางเว็บไซด์ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือโทร. 1207
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. มีการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น และระบบที่ดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว หากพบการกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเคร่งครัด แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนหุ้น นักลงทุนเองควรมีความรอบคอบ และตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ควรขอคำแนะนำจากผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.”
ปัจจุบัน ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือครูอ้อย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ABC ถือหุ้น 118,551,100 หุ้น หรือถือสัดส่วน 1.50% ของทุนจดทะเบียน
โดยเริ่มซื้อตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ของบริษัท มีหุ้น 25,163,500 หุ้น หรือ 1.91% ณ เดือนสิงหาคม 2557 ราคาหุ้น ABC ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันถึง 30% และปรับขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ พุ่งกระฉูดถึง 249% ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม-22 สิงหาคม 2557 (โดยราคาปรับขึ้นจาก 18.20 บาทต่อหุ้น ไปสูงสุดที่ 63.50 บาทต่อหุ้น)
ต่อมาในปี 2558 ซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 57,167,200 หุ้น ครองสัดส่วนถือหุ้น 2.17% จากการปรับราคาพาร์จากเดิม 1 บาท เหลือเพียง 0.10 บาท ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครูอ้อยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามของ ABC จนถึงปัจจุบัน
จากกรณีที่มีนักลงทุนออกมาร้องเรียนพฤติกรรมของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” ที่ชักชวนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนสูญเงินนับ 10 ล้านบาท จนทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. โดย “เกศรา มัญชุศรี” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ออกมาชี้แจงแนวทางการดำเนินงานว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหน้าที่ดูแลระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบคำสั่งซื้อขายหุ้นทุกวัน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานที่อำนาจในการตรวจสอบในหลายมิติ โดยเฉพาะการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นักลงทุนนำเข้ามาลงทุนลงทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น หากนักลงทุนมีข้อมูลจึงควรเข้าร้องเรียนที่สำนักงาน ก.ล.ต.
“กรณีของ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่พัวพันการซื้อขายหุ้นบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC จนทำให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนบางรายเป็นวงเงินกว่า 10 ล้านนั้น นักลงทุนน่าจะเข้าไปที่สำนักงาน ก.ล.ต. เพราะมีอำนาจในการตรวจสอบได้หลายด้าน เพื่อให้ทาง ก.ล.ต. มีคำสั่งดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงมาตามระบบ ตลาดหลักทรัยพ์อาจดำเนินการได้เฉพาะการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น ซึ่งเราก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว” นางเกศรา กล่าว
สอดคล้องกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ข้อเเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ยังไม่สามารถสรุปไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลักทรัพย์ได้หรือไม่ ดังนั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต. จึงขอให้นักลงทุนผู้ได้รับความเสียหายนำหลักฐานเข้ามาร้องเรียนที่สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
“หลายภาคส่วนถามว่า ทำไมสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่เข้าไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ต้องเรียนว่า ณ ขณะนี้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ก็มีข้อมูลตามที่เผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ แต่ไม่มีผู้เสียหายนำหลักฐานเข้ามาร้องเรียนกับทางสำนักงาน ก.ล.ต. เราก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้ จึงใคร่ขอให้นักลงทุนผู้เสียหายนำหลักฐานที่มี ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่าน “Messenger” “Line” หลักฐานการโอนเงิน ฯลฯ เข้ามาร้องเรียนเพื่อให้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ตั้งต้นดำเนินการสอบสวนต่อไป”
โดย ก.ล.ต. จะพิจารณาจากหลักฐาน และข้อเท็จจริง หากอยู่ในส่วนที่ ก.ล.ต. ดูแล ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป ซึ่งนักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย หรือผู้ที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถแจ้งมาที่ ก.ล.ต. ได้ทั้งเข้ามาพบ แจ้ง-ส่งหลักฐานทางเว็บไซด์ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือโทร. 1207
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. มีการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น และระบบที่ดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว หากพบการกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเคร่งครัด แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนหุ้น นักลงทุนเองควรมีความรอบคอบ และตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ควรขอคำแนะนำจากผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.”
ปัจจุบัน ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือครูอ้อย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ABC ถือหุ้น 118,551,100 หุ้น หรือถือสัดส่วน 1.50% ของทุนจดทะเบียน
โดยเริ่มซื้อตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ของบริษัท มีหุ้น 25,163,500 หุ้น หรือ 1.91% ณ เดือนสิงหาคม 2557 ราคาหุ้น ABC ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันถึง 30% และปรับขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ พุ่งกระฉูดถึง 249% ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม-22 สิงหาคม 2557 (โดยราคาปรับขึ้นจาก 18.20 บาทต่อหุ้น ไปสูงสุดที่ 63.50 บาทต่อหุ้น)
ต่อมาในปี 2558 ซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 57,167,200 หุ้น ครองสัดส่วนถือหุ้น 2.17% จากการปรับราคาพาร์จากเดิม 1 บาท เหลือเพียง 0.10 บาท ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครูอ้อยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามของ ABC จนถึงปัจจุบัน
