xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นตระกูลโกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


     การกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหาร บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น AIE ทำให้ต้องคิดถึงหุ้นบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AI ขึ้นมาทันทีทันใด เพราะหุ้นสองตัวนี้ มีปัญหาเดียวกัน อยู่ระหว่างการถูกแขวนป้าย “เอสพี” พักการซื้อขายเหมือนกัน และอยู่ข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนทั้งคู่
    AI และ AIE เป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกัน มีผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มเดียวกัน กรรมการและผู้บริหารก็กลุ่มเดียวกันอีก โดย AI มีฐานะเป็นบริษัทแม่ ถือหุ้นใน AIE สัดส่วน 59.59%
    หุ้น AI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กำหนดฤกษ์ดีคือวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2547 เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเซรามิคส์ โดยนำหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไปในราคา 48 บาท จากพาร์ 5 บาท ก่อนจะแตกพาร์เหลือ 0.25 บาท
    ราคาหุ้น AI คึกคักพักหนึ่ง มีข่าวลือมากมาย จนกลายเป็นหุ้นร้อน ราคาขยับไปเหยียบระดับร้อยบาท ก่อนจะรูดลงมา และปิดครั้งสุดท้ายที่ 1.52 บาท
    ส่วนหุ้น AIE ในฐานะบริษัทลูก เข้าจะทะเบียนวันที่ 6 มกราคม 2557 แต่เข้าซื้อขายไม่ทันเท่าไหร่ ก็ก่อพฤติกรรมอำพรางงบการเงินไตรมาสแรกปี 2557 ทันที โดยไม่ลงบัญชีรายได้เป็นเงิน 135 ล้านบาท เพื่อลวงนักลงทุนให้สำคัญผิดในฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัท
 
     นายอนุรักษ์และนายนพพล ธารีรัตนาวิบูลย์ กรรมการและผู้บริหารบริษัท เอไอฯจึงถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษตามความผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
หุ้น AIE เข้ามาซื้อขายได้เพียง 1 ปีเศษ ต้องกลายเป็นหุ้นเน่า กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนทีตายซากคาตลาดหลักทรัพย์ และเข้าข่ายถูกเพิกถอน
    ทั้ง AI และ AIE ถูกตลาดหลักทรัพย์ สั่งขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี” พักการซื้อขายพร้อมกัน เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 เนื่องจากไม่สามารถส่งงบการเงินปี 2557 ที่ก.ล.ต.สั่งให้แก้ไขตามกำหนดได้ทั้งคู่
    3 ปีผ่านไป หุ้นแม่หุ้นลูกคู่นี้ ยังไม่สามารถส่งงบการเงินปี 2557 ที่ก.ล.ต.สั่งแก้ไขได้ จนถูกพักการซื้อขายยาวมากว่า 2 ปีแล้ว และไม่มีใครรู้ว่า กลุ่ม ”ธารีรัตนาวิบูลย์” ผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อไหร่จะสะสางงบการเงินที่มีปัญหาได้สำเร็จ
    ไม่รู้ว่า ทำไมจึงจัดทำงบการเงินที่โปร่งใสและขาวสะอาดส่งก.ล.ต.ไม่ได้

     ผู้ถือหุ้นรายย่อย AI มีจำนวนทั้งสิ้น 7,881 ราย ผู้ถือหุ้น AIE มีจำนวน 5,292 ราย รวม 2 บริษัท มีผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ตกเป็นเชลยของกลุ่ม”ธารีรัตนาวิบูลย์”อยู่จำนวนทั้งสิ้น 13, 173 ราย
    กรรมการและผู้บริหารหุ้น AIE ถูกกล่าวโทษแล้ว ส่วนหุ้น AI ยังไม่รู้ว่า จะมีข้อหาอะไรตามมาจากก.ล.ต.หรือไม่ แต่หุ้นคู่นี้ อยู่ในข่ายถูกตะเพิดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว และต้องถูกจับเข้ากลุ่มฟื้นฟูกิจการ
     ถ้าหุ้นคู่นี้ ต้องมีอันเป็นไป จะถือเป็นการ ”ตายแฝด” ครั้งแรกของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพราะเป็นหุ้นกลุ่มเดียวกัน ถือหุ้นใหญ่และบริหารโดยคนกลุ่มเดียวกัน มีปัญหาการบริหารงานที่ถูกตั้งข้อสงสัยในความไม่โปร่งใสเหมือนกัน

     คำถามที่จะตามมาคือ ตลาดหลักทรัพย์รับหุ้นที่มีปัญหา และเป็นหุ้นกลุ่มเดียวกันได้อย่างไรถึง 2 บริษัท ทำไมจึงปล่อยให้หุ้น AIEเข้ามาสูบเงินนักลงทุนอีก ในเมื่อหุ้นตัวแม่ หรือหุ้น AI เริ่มส่อแววไม่น่าไว้วางใจมาก่อนหน้า
    ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยติดตามตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนเลยหรือ จึงไม่มีข้อมูลพฤติกรรมของหุ้นAI และปล่อยให้บริษัทลูก หรือหุ้น AIE เข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุนซ้ำรอยอีก
     นโยบายการรับหุ้นที่ถือหุ้นไขว้กันหรือถือหุ้นคร่อมกัน ในลักษณะบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ ควรจะต้องทบทวนกันบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาอ้าแขนรับหมด แม้จะเป็นหุ้นในกลุ่มที่เข้ามาก่อพฤติกรรมโกงในสตลาดหุ้นแล้วก็ตาม

     เพราะบทเรียนความเสียหายจากการรับหุ้นที่ถือหุ้นไขว้กันเคยมีมาแล้ว กรณีหุ้นกลุ่มบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น “ฟินวัน” ซึ่งเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นับสิบแห่ง เมื่อราคาหุ้นตัวไหนในกลุ่มขึ้น จะจุดพลุให้เกิดการเก็งกำไรหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม จนราคาพุ่งกันยกกลุ่ม
     แต่สุดท้ายก็ล่มสลายกันยกกลุ่ม ในวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
    หุ้นกลุ่มตระกูล “ไมด้า ลิสซิ่ง” ก็เป็นกรณีศึกษาได้ โดยแม้หุ้นไมด้าฯจะมีพฤติกรรมการเก็งกำไรที่ร้อนแรง มีการปล่อยข่าวลือล่อแมลงเม่าให้บินเข้ากองไฟตลอด แต่ตลาดหลักทรัพย์ก็ยังรับลูกๆตระกูลไมด้าฯเข้ามาอีกหลายตัว แต่ละตัวทำให้นักลงทุนทั้งแสบทั้งคัน ก่อนที่จะมีสภาพตายซาก “รายย่อย” ติดหุ้นกันระงม
    หรือจะพิจารณาจากหุ้นกลุ่มเนชั่น มัลติมีเดียก็ยังไหว โดยตลาดหลักทรัพย์อ้าแขนรับหมด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัท เนชาน บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือหุ้น NBC และหุ้นบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น NINE
     ปัญหาหุ้นกลุ่มเนชั่นคือ เมื่อบริษัทแม่มีปัญหาการดำเนินงาน บรรดาหุ้นตัวลูกเกิดความระส่ำระสาย ไม่รู้ใครจะอยู่ใครจะไป นักลงทุนที่ถือหุ้นกลุ่มนี้ กินไม่ได้นอนไม่หลับไปตามๆกัน
 
     ตลาดหลักทรัพย์น่าจะเก็บข้อมูลที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส หรือหุ้นที่เข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน โดยขึ้นบัญชีดำไว้ และไม่ยอมปล่อยให้หุ้นตัวลูกหรือหุ้นบริษัทในเครือเข้ามาในตลาดหุ้นอีก เพื่อป้องกันความเสียหายของนักลงทุน
      หุ้นตัวไหนที่เข้ามาแล้ว มีพฤติกรรมโกง ก่ออาชญากรรมทางการลงทุนไว้ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวลูกหรือหุ้นตัวแม่
     ตลาดหลักทรัพย์จะต้องปิดประตูไม่ต้อนรับ ไม่ยอมให้หุ้นตระกูลบโกงเข้ามาปล้นเงินนักลงทุนซ้ำรอยอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น