ตลท.คาดเปิดแพลทฟอร์มใหม่รองรับสตาร์ทอัปปีนี้ ประเดิมเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอรายแรกในปี 62 จากที่พร้อม 5 ราย ขณะที่ปีนี้คงเป้าบจ.จดทะเบียนในเอ็มเอไอไว้ที่ 15 ราย โดยจดทะเบียนแล้ว 5 ราย และครึ่งปีหลังอีก 10 ราย
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่า ตลท. จะสามารถเปิดกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 3 ที่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ภายในสิ้นปี 2560 นี้ เพื่อรองรับธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัป ที่คาดว่าสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอได้เป็นรายแรกได้ทันทีในปี 2562 จำนวน 1 ราย จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัปที่มีความพร้อมทั้งหมด 5 ราย
“ภายในปี 2562 จะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัปเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอได้ทันที ภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ที่จะแล้วเสร็จและเริ่มใช้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัปของรัฐบาล” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เริ่มเดินสายให้ข้อมูลกับธุรกิจสตาร์ทอัปหลายแห่ง และพบว่า มีธุรกิจสตาร์ทอัปที่มีศักยภาพ จำนวน 5 บริษัทที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ โดยหลักการประเมินศักยภาพของธุรกิจสตาร์ทอัปจากรายได้, กำไร และความยั่งยืนของธุรกิจ เป็นต้น
ทั้งนี้ การผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัปเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจสตาร์ทอัปในหลายเรื่องเงินทุน, ระบบที่เป็นมาตรฐาน, ภาพลักษณ์, โอกาสการทำธุรกิจ และการหาพันธมิตร
“ตอนนี้อุปสรรคที่ทำให้สตาร์ทอัปยังไม่สามารถเติบโตได้ คือ แนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยังไม่สามารถช่วยสร้างรายได้ให้เติบโตได้ แม้ว่าสตาร์ทอัปจะมีแนวคิด และไอเดียที่ดี และน่าสนใจ ซึ่งเราก็พยายามเดินสายไปให้ความรู้สตาร์ทอัปเหล่านี้ เพื่อให้ความรู้ในเรื่องการทำธุรกิจ” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนช่องทางการเข้าจดทะเบียนของธุรกิจสตาร์ทอัป เบื้องต้นมี 3 ช่องทาง ได้แก่ การเข้าจดทะเบียนในแพลตฟอร์มใหม่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังพัฒนา ซึ่งจะเป็นลักษณะการซื้อขายผ่านตลาดต่อรองนอกตลาด (OTC market), ตลาด mai หรือตลาด SET ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพ และความต้องการของธุรกิจสตาร์ทอัปนั้น ๆ
สำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใน mai ในปีนี้ยังคงเป้าหมายเดิมที่ระดับ 15 บริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมา เข้าจดทะเบียนไปแล้ว 5 บริษัท และช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าจดทะเบียนอีก 10 บริษัท ทำให้ภาพรวมการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี