“ณุศาศิริ” รุกตลาดสุขภาพ และท่องเที่ยวในเมืองจีน เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท พานาซี เมดิคอล ฮ่องกง จำกัด สัดส่วน 61% หวังต่อยอดความสำเร็จ และสร้างผลกำไร และกระแสเงินสดกับมายังบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว เพิ่มโอกาสขยายตลาด ระบุใช้แหล่งเงินลงทุนของบริษัท และเงินจากการชำระค่าหุ้นในดีลครั้งนี้ พร้อมขายเงินลงทุนในบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทลฯ สัดส่วน 50% ให้แก่บริษัทแสงฟ้าก่อสร้างฯ เพื่อเข้าร่วมลงทุนในโปรเจกต์ ณุศา ศรีราชา เฟส 1
นายสมจิตร ชัยชนะ กรรมการและเลขานุการบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2560 ได้มีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนในบริษัท พานาซี เมดิคอล ฮ่องกง จำกัด โดยดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพ (Wellness) ในฮ่องกง และประเทศจีน โดยบริษัทมีแผนเข้าลงทุน และเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัท พานาซี เมดิคอล ฮ่องกงฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 10,000 HKD (ดอลลาร์ฮ่องกง) เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 80,000 HKD โดยจะเข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 61 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็น 48.8 ล้าน HKD (ประมาณ 352 ล้านบาท) โดยจะดำเนินการเข้าลงทุนในบริษัท พานาซีฯ ภายใน 3 เดือน หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการแต่งตั้งกรรมการ หรือบุคคคลที่เหมาะสมเข้าเป็นกรรมการ ภายหลังจากการจดทะเบียนเพิ่มทุนแล้ว โดยมีผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าร่วมเป็นกรรมการบริษัทด้วย
โดยโครงการการถือหุ้นบริษัท พานาซี เมดิคอล ฮ่องกงฯ ภายหลังจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน Mr. Dongyi Hua ถือหุ้นร้อยละ 24 บริษัท ณุศาศิริฯ ร้อยละ 61 และ Mr. Lihong Ma ถือหุ้นร้อยละ 15
“แหล่งเงินที่ใช้มาจากการดำเนินงานของบริษัท และเงินทุนในส่วนที่เพิ่มในการชำระค่าหุ้น ทั้งนี้ จากการศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนดังกล่าว บริษัทคาดว่า จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไร และกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทในระยะเวลาอันรวดเร็ว และยังสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการขยายธุรกิจที่รวดเร็วในด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการขยายตลาดในวงกว้าง”
นายสมจิตร กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติให้จำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยขายเงินลงทุนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าซื้อขาย จำนวน 175 ล้านบาท ให้กับบริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศ มีประสบการณ์ในการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ โดยจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการรณุศา ศรีราชา เฟส 1
“ปัจจุบัน สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย จึงทําให้ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ ซึ่งการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย จะทำให้บริษัทลดความเสี่ยงในด้านการขยายธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้ง บริษัทฯ มีความจําเป็นต้องใช้เงินลงทุนในจํานวนมากสําหรับใช้ในการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจ ซึ่งการจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวจะสามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทฯ ได้ ซึ่งบริษัทจะนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนการดำเนินกิจการ และโครงการของบริษัทต่อไป”