สองผู้บริหารบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด(มหาชน) หรือหุ้น AIE ตระกูล “ธารีรัตนาวิบูลย์” ต้องเซ่นสังเวยพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รายล่าสุด ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวโทษ โดยส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ก.ล.ต.)ดำเนินคดีต่อ
นายอนุรักษ์และนายนพพล ธารีรัตนาวิบูลย์ กรรมการและผู้บริหาร บริษัท เอไอ เอนเนอร์จีฯ ถูกกล่าวโทษในความผิด การจัดทำบัญชีและงบการเงินไม่ถูกต้อง เพื่อลวงบุคคลทั่วไปให้เข้าใจผิดในฐานะการเงินและผลประกอบการของบริษัทฯ
โดยไม่บันทึกบัญชีรายได้และบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง จนทำให้งบการเงินไตรมาสา1-3 ปี2557 และงบการเงินรวมปี2557 แสดงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงจำนวน135 ล้านบาท
เหตุผลการจงใจทำให้งบการเงินแสดงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อลวงให้นักลงทุนเข้าใจผิดในฐานะทางการเงินและผลประกอบการนั้น น่าจะเกิดจากความพยายามกดราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานให้ต่ำลง โดยอาจหวังผลซื้อหุ้นในราคาต่ำๆ
หุ้น AIE เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2557 หลังจากนำหุ้นเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไปในราคา4.75 บาท จากราคาพาร์1บาท ล่าสุดแตกพาร์เหลือ0.25 บาท
แต่เข้ามาซื้อขายไม่ทันเท่าไหร่ ผู้บริหารบริษัทฯก็ออกลาย ก่อพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบนักลงทุนทันที โดยพยายามปิดบังอำพรางฐานะทางการเงินและผลดำเนินงานที่แท้จริง ขณะที่งบการเงินมีปัญหาตั้งแต่ไตรมาสแรกปี2557
จนหุ้นถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี พักการซื้อขายตั้งแต่ประมาณกลางปี2558 โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่0.67 บาท (พาร์0.25บาท) มีนักลงทุนรายย่อยติดค้างอยู่ยอดดอยจำนวน 5,292 คน
ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ AIE คือ บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AI โดยถือหุ่นสัดส่วน 59.59% ของทุนจดทะเบียน ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้น AI ก็คือกลุ่มธารีรัตนาวิบูลย์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆหุ้น AIE ด้วย
หุ้นเอเชียน อินซูเลเตอร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ของหุ้น AIE ถูกพักการซื้อขายไปก่อนหน้าแล้ว เพราะมีปัญหาฐานะการดำเนินงาน ปัจจุบันอยู่ในกลุ่มฟื้นฟูฐานะการดำเนินงาน ส่วนหุ้นเอไอ เอนเนอร์จีฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูก ถูกพักการซื้อขายและอยู่ในข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนเช่นเดียวกัน
หุ้นตระกูลเอไอฯ มีปัญหาทั้งตัวแม่และตัวลูก พฤติกรรมการบริหารมีปมน่าสงสัยคล้ายๆกัน ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน
ประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตคือ เหตุใดหุ้นกลุ่มนี้จึงสอบผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
หุ้น AIE ไม่ควรเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่แรก เพราะช่วงเวลาที่หุ้นเข้าตลาด เป็นช่วงที่หุ้นตัวแม่ หรือหุ้น AI เริ่มสำแดงอาการไม่ดีแล้ว
ถ้าตลาดหลักทรัพย์มีความตระหนักถึงพฤติกรรมหุ้นบางกลุ่ม โดยเมื่อเห็นว่า หุ้นกลุ่มใดมีพฤติกรรมการบริหารที่ไม่โปร่งใส สร้างความเสียหายให้นักลงทุน และขึ้นบัญชีดำไว้ ไม่รับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน มีผู้ถือหุ้นและบริหารตระกูลเดียวกันอีก หุ้นAIEคงไม่ได้เข้ามาก่อความเสียหายซ้ำรอยหุ้นAI
แต่ตลาดหลักทรัพย์ขาดความตระหนักในพฤติกรรมหุ้นบางกลุ่ม หุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น หุ้นที่มีพฤติกรรมโกง จึงยกโขยงเข้ามาสูบเงินในตลาดหุ้นกันทั้งตระกูล
หุ้น AIE ส่งสัญญาณสร้างปัญหาตั้งแต่หุ้นตัวแม่หรือหุ้นAIแล้ว แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ตระหนักถึงความเสียหายของนักลงทุน
ปล่อยให้ AIE มีโอกาสเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อีก และเข้ามาซื้อขายไม่ทันไร ก็วาดลวดลาย แต่งงบการเงิน หลอกลวงนักลงทุน โดยอาจวางแผนก่ออาชญากรรมตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดหุ้นก็ได้
เพียงแต่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์มุ่งแต่มองโลกสวย เน้นการสร้างภาพการเติบโตในเชิงปริมาณ จึงละเลยต่อการกลั่นกรองคุณภาพหุ้นใหม่
เพิกเฉยอย่างร้ายแรงต่อปัญหาด้านจริยธรรม จรรยาบรรณ และธรรมาภิบาลของผู้บริหารหุ้นใหม่ นักลงทุนจึงต้องรับกรรมจากการรับบริษัทเน่าเข้าตลาดหุ้น