ธ.กสิกรไทย มองระยะสั้นเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แตะ 33.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตาสหรัฐลดขนาดสินทรัพย์ ด้านแบงก์รัฐพร้อมคงดอกเบี้ยระดับต่ำนานที่สุด แต่รอดู กนง. 5 ก.ค. นี้ จะขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดหรือไม่
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินบาทระยะสั้นยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยมีกรอบแนวรับที่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากหลายปัจจัยทั้งการที่เงินทุนต่างชาติไหลเข้า เพื่อซื้อกิจการ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ เงินทุนที่ไหลกลับจากบราซิล ที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ และกาตาร์ ที่ถูกบอยคอตจากชาติอาหรับ ประกอบกับ ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึงร้อยละ 11 สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ทำให้ต่างชาตินำเงินมาพักไทย เพราะถือว่ามีความมั่นคง แม้จะสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยไม่สมดุล เนื่องจากต้องพึ่งพิงการส่งออกมากเกินไปก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังมีความผันผวนแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้ คือ แนวทางการลดขนาดสินทรัพย์ มูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะค่อยทยอยลดลงทำให้สภาพคล่องเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลกลดลง และส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า ขณะที่เงินบาทค่อยๆ กลับมาอ่อนค่าปลายปีอยู่ที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ต้องรอดูคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) จะพิจารณาปรับเพิ่มดอกเบี้ยตามทิศทางตลาดโลกหรือไม่ หลังจากนั้น แบงก์รัฐ รวมทั้ง ธอส. จะประชุมหารือร่วมกันอีกครั้ง โดยแบงก์รัฐพร้อมคงดอกเบี้ยระดับต่ำให้นานที่สุด
สำหรับการปล่อยสินเชื่อบ้านประชารัฐ เริ่มดำเนินการมาแล้ว 2 ปี มียอดสินเชื่อประมาณ 10,000 ล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ยอมรับว่าประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีบ้านยังคงติดต่อเข้ามาดูรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เตรียมออกเงินกู้โครงการใหม่ 40,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดวันประกาศมาตรการ เพื่อต้องการรอให้โครงการเงินกู้เดิม For Home มีผู้สนใจจองให้ครบทั้งหมด
