รมว.คลัง ชี้ความเสี่ยง บจ.ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ถือเป็นปัญหาที่เก่าที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่นักลงทุนรุ่นใหม่อาจยังไม่เคยเจอ เชื่อการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทแค่เพียงแห่งเดียวไม่น่าจะส่งผลกระทบกับแบงก์พาณิชย์ที่ปัจจุบันได้มีการตั้งสำรองหนี้สูงเกิน 100% แล้ว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงิน (บีอี) ของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ว่า ตามแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นั้น กำหนดให้นักลงทุนรายใหญ่เข้าลงทุนในตราสารการเงินชนิดนี้ เนื่องจากเป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนในระดับสูงด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้จะลงทุนจึงต้องตัดสินใจเอง
นอกจากนี้ ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตั๋วบีอีนั้น โดยรวมแล้วถือเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเคยมีในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้ง ยังเป็นปัญหาที่นักลงทุนรุ่นเก่ารับทราบกันดี เพียงแต่นักลงทุนรุ่นใหม่ๆ นั้น อาจจะยังไม่เคยเจอกับปัญหาความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารการเงินประเภทดังกล่าว นักลงทุนรุ่นใหม่จึงได้นำเงินไปลงทุนเนื่องจากต้องการผลกำไร จึงเป็นสาเหตุให้ ก.ล.ต.ต้องออกกฎเกณฑ์ขึ้นมากำกับดูแล ซึ่ง ก.ล.ต.ก็ต้องดูแลให้ดี
ส่วนผลจะเกิดผลกระทบต่อตัวธนาคารพาณิชย์ อันเนื่องมาจากการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ของบริษัทต่างๆ หรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ได้มีตั้งรองค่าเผื่อหนี้สูงไว้ในระดับที่เกิน 100% อยู่แล้ว ดังนั้น ตนจึงมองว่า บริษัทเพียงแค่ 1 บริษัทที่มีปัญหาการชำระหนี้ไม่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบเกิดปัญหาได้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงิน (บีอี) ของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ว่า ตามแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นั้น กำหนดให้นักลงทุนรายใหญ่เข้าลงทุนในตราสารการเงินชนิดนี้ เนื่องจากเป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนในระดับสูงด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้จะลงทุนจึงต้องตัดสินใจเอง
นอกจากนี้ ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตั๋วบีอีนั้น โดยรวมแล้วถือเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเคยมีในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้ง ยังเป็นปัญหาที่นักลงทุนรุ่นเก่ารับทราบกันดี เพียงแต่นักลงทุนรุ่นใหม่ๆ นั้น อาจจะยังไม่เคยเจอกับปัญหาความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารการเงินประเภทดังกล่าว นักลงทุนรุ่นใหม่จึงได้นำเงินไปลงทุนเนื่องจากต้องการผลกำไร จึงเป็นสาเหตุให้ ก.ล.ต.ต้องออกกฎเกณฑ์ขึ้นมากำกับดูแล ซึ่ง ก.ล.ต.ก็ต้องดูแลให้ดี
ส่วนผลจะเกิดผลกระทบต่อตัวธนาคารพาณิชย์ อันเนื่องมาจากการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ของบริษัทต่างๆ หรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ได้มีตั้งรองค่าเผื่อหนี้สูงไว้ในระดับที่เกิน 100% อยู่แล้ว ดังนั้น ตนจึงมองว่า บริษัทเพียงแค่ 1 บริษัทที่มีปัญหาการชำระหนี้ไม่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบเกิดปัญหาได้
