xs
xsm
sm
md
lg

JSP เล็งออกหุ้นกู้ 1,200 ล้าน ลุยลงทุน 4 โครงการใหม่ 4,000 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ไพโรจน์  วัฒนวโรดม
JSP เดินหน้าขยายธุรกิจ ลงทุนโครงการใหม่กว่า 4 พันล้านบาท ระดมทุนออกหุ้นกู้ 1,200 ล้านบาท อายุ 1 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย ร้อยละ 6 เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ส่งซิกไตรมาส 2 แนวโน้มดีต่อเนื่อง ขณะที่ผลงาน Q1/60 ทุบสถิติกวาดรายได้ 1,043 ล้านบาท โตร้อยละ 93.50 กำไรสุทธิ 48 ล้านบาท

นายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ดี และมีแผนขยายการลงทุนโครงการใหม่เพิ่มทั้งแนวราบ และแนวสูง มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท เช่น โครงการ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์, เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง, เจ วิลล่า วงแหวนบางใหญ่, เจ ซิตี้ อัสสัมชัญ-ศรีราชา เจ คอนโด บางเสร่ และโครงการย่านพระราม 4 จากแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนจะระดมททุนโดยการออก และเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 1,200 ล้านบาท

สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวจะมีอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6 จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งจะเปิดจองซื้อวันที่ 15-16 และ 19-20 มิ.ย. 2560 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ทั้งนี้บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ นอกเหนือจากระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ ก่อสร้าง-พัฒนาโครงการใหม่ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน” นายสิทธิพร กล่าว

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัท ปัจจุบันมีแบ็กล็อกในมือกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในต้นปี 2561 ขณะเดียวกัน บริษัทได้ทยอยเปิดโครงการแนวราบกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยเน้นพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งจะดำเนินการพรีเซล และโอนกรรมสิทธิ์ค่อนข้างเร็ว

ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีนี้จะมียอดโอนอยู่ที่ 5,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดโอนอยู่ที่ 3,050 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นโครงการแนวราบ เช่น ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด จำนวน 3,142 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 62 โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 940 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 และโครงการอาคารพาณิชย์ จำนวน 985 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ขณะที่เป้าหมายรายปีนี้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 20

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม1,043 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 539 ล้านบาท จำนวน 504 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 93.50 และมีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท โดยบริษัท และบริษัทย่อยมียอดโอนรวมกัน จำนวน 2,864 ยูนิต และมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท และบริษัทย่อย อยู่ที่ 999 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 475 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.65 และมีรายได้จากการให้เช่า และบริการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 24 ล้านบาท ผลประกอบการมีอัตราการเติบโต เนื่องจากการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อีกทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมา จึงส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
 


กำลังโหลดความคิดเห็น