แรงซื้อไหลเข้าทองคำหลังหลายประเทศเกิดความไม่สงบ อีกทั้งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ยังมีอุปสรรคขัดขวางอีกมาก ประเมินภาพรวมยังไปต่อ แต่จะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมาต่อเนื่อง ไม่ควรถือยาว การลงทุนระยะสั้นเน้นเข้ารับเมื่อราคาต่ำ และทำกำไรจากการรีบาวนด์ยังสร้างประโยชน์ได้เสมอ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ภาพรวมราคาทองคำแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน แต่ยังคงทะยานขึ้นได้ค่อนข้างมาก โดยขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ ซึ่งมีสาเหตุจากความปั่นป่วน หรือสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงความตึงเครียดทางการเมืองในฝั่งสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดนกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงอาจจะมีการถอดถอนจากตำแหน่ง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก
“สถานการณ์ หรือปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้การลงทุนตัวสินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับฐานลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงผลตอบแทนธนบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลงตามปัจจัยดังกล่าวด้วย ส่งผลให้ทองคำตัวฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทะยาน และดีดตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงปลายสัปดาห์ค่อนข้างดี จึงส่งผลให้ทองคำมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเช่นกัน”
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา จะเห็นว่าทิศทางเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งงที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ และกระแสการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ออกมาในทิศทางที่สดใส ความกังวลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้น และอาจจะกลับมากดดันให้ราคาทองคำมีแรงขายสลับออกมาอีกครั้ง นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เช่น การเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ รวมถึงรายงานของคณะกรรมการ FOMC เพื่อคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประจำเดือนมิถุนายน รวมถึงการเปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าภาคตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง จนทำให้มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา นอกจากนี้ คือการเปิดเผยประมาณการณ์ครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์ตัวมลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ประจำไตรมาส 1 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สะท้อนเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เพิ่มเติม
ทำให้กลยุทธ์การลงทุน จะเห็นว่าการที่ราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นค่อนข้างมาก และจะเห็นในส่วนของการทำกำไรออกมาด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ราคามีการดีดตัว และมีแรงซื้อสนับสนุนค่อนข้างมาก ส่งผลให้แนวโน้มกลับมาเป็นบวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจจะต้องจับตาการขยับขึ้นของราคาทองคำ หากสามารถขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,265-1,278 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ได้ แต่ยังไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง อาจต้องทยอยแบ่งทองคำบางส่วนออกขาย แล้วรอการอ่อนตัวลงมาของราคาเพื่อเข้าซื้อราคาทองคำอีกครั้ง
“ประเมินส่วนแนวรับบริเวณ 1,236-1,226 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งหากราคามีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลงอาจจะใช้โซนดังกล่าวเข้าซื้อเพื่อหวังทำกำไรจากการดีดตัว ทั้งนี้ นักลงทุนอาจจะต้องคำนวณถึงทิศทางราคาทองคำที่มีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก และอาจจะมีแรงขายสลับออกมาหลังจากราคาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ในส่วนกลยุทธ์การลงทุน ณ ปัจจุบันยังคงเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวเป็นหลัก”